วันนี้ผมขอนำเอาิอาชีพเสริม หรืออาชีพอิสระว่าด้วยการเลี้ยงหนอนนก ซึ่งคงจะถูกอกถูกใจกับผู้เลี้ยงนกหรือเลี้ยงไก่ทั้งหลาย ซึ่งหนอนนกนั้นสามารถเพาะเลี้ยงเพื่อการค้า ทำเป็นอาชีพได้ด้วย ซึ่งต้นทุนการในเลี้ยงก็ไม่สูง แถมราคาขายในท้องตลาดก็ราคาดี ที่สำคัญคู่แข่งในอาชีพนี้ยังมีน้อยด้วย นี่จึงเป็นโอกาสสำหรับท่านที่ต้องการหาอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ ก็ลองศึกษาการเลี้ยงหนอนนกเพื่อเอามาทำเป็นอาชีพได้เลยครับ
การเพาะเลี้ยงหนอนนกเพื่อการค้า
ด้วยหนอนนกเป็นแมลงศัตรูผลิตผลเกษตรที่มีขนาดใหญ่ที่สุด การเจริญเติบโตแบบสมบูรณ์ ดังนี้ ระยะไข่ 5-7 วัน ระยะหนอน 75-90 วัน ระยะดักแด้ 5-7 วัน ระยะตัวเต็มวัย 5-6 เดือน
แมลงชนิดนี้มีระยะหนอนที่ยาวนานและหนอนมีคุณค่าทางอาหารสูงเมื่อใช้เป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ในปริมาณที่เหมาะสมจะทำให้สัตว์มีสุขภาพแข็งแรง จึงมีผู้นิยมนำมาเพาะขยายพันธุ์เพื่อผลิตเป็นอาหารสัตว์เชิงการค้า เช่น เป็นอาหารสัตว์ปีก ปลาสวยงาม กระรอก ฯลฯ ดังนั้น เกษตรกรหรือผู้ที่สนใจสามารถเพาะสัตว์หนอนนกได้เองก็จะสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซื้ออาหารสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ได้
ขั้นตอนการเลี้ยง
1. นำอาหารไก่ 500 กรัม เทลงในถาดอะลูมิเนียมใส่หนอนนกประมาณ 300 ตัว จากนั้นใช้สำลีชุบน้ำหรือน้ำผึ้งผสมน้ำให้ชุ่มพอหมาดวางลงกลางถาด (หมั่นเติมน้ำเป็นระยะอย่าให้น้ำแห้ง) ปิดด้วยตาข่ายมุ้ง วางบนชั้นสำหรับเลี้ยงแมลงหรือเลี้ยงในห้องที่มีมุ้งลวด เมื่อหนอนขับถ่ายมูลออกมามากควรใช้ตะแกรงร่อนเอาตัวหนอนออกและนำไปใส่ถาดใหม่ เติมอาหารทุก 1-2 สัปดาห์
2. เมื่อเลี้ยงได้ระยะหนึ่งหนอนนกจะเข้าดักแด้ ซึ่งจะไม่กินอาหารประมาณ 5-7 วัน แยกดักแด้ออกมาใส่ลงในถาดใหม่ เมื่อดักแด้เปลี่ยนเป็นตัวเต็มวัยให้แยกไปไว้ในถาดที่มีอาหารเหมือนกันการเริ่มเลี้ยงหนอนโดยใส่ตัวเต็มวัยถาดละ 100-150 คู่ ตัวเต็มวัยจะเริ่มผสมพันธุ์หลังออกจากดักแด้ประมาณ 7 วัน ตัวเมียจะวางไข่ตัวละ 1-2 ฟอง/วัน อายุการวางไข่ 40-50 วัน
3. หลังจากตัวเต็มวัยวางไข่แล้ว 7 วัน ให้แยกตัวเต็มวัยออกจากถาดเดิม นำไปเลี้ยงในอาหารถาดใหม่เพื่อให้ตัวเต็มวัยวางไข่และเจริญเติบโตเป็นตัวหนอนซึ่งใช้เวลา 5-7 วัน ระยะหนอนจะลอกคราบ 10-14 ครั้ง หรือมีอายุ 76-90 วัน (ระยะการขายอายุประมาณ 60 วัน) ทำการเลี้ยงขยายอย่างว่องไว และแยกใส่ถาดอาหารใหม่ทุก 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้ได้ไข่หรือหนอนที่มีขนาดใกล้เคียงกันเป็นชุด ๆ
ศัตรูของหนอนนก
ศัตรูพืชของหนอนนก ได้แก่ มอดแป้ง มด แมลงสาบ ที่อาจจะติดมากับอาหาร ดังนั้น ควรนำอาหารไปแช่แข็งประมาณ 7 วัน หรืออบอาหารที่อุณหภูมิประมาณ 80 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ทิ้งไว้ในอุณหภูมิปกติก่อนนำมาเป็นอาหารหนอนนก ศัตรูอื่นๆ ได้แก่ จิ้งจก นก และหนู
ต้นทุนการเลี้ยงหนอนนก
การผลิตหนอนนก 1 กิโลกรัมใช้ต้นทุนประมาณ 70 บาท ใช้เวลาการผลิต 8-9 สัปดาห์ ซึ่งปัจจุบันหนอนนกราคากิโลกรัมละ 150-200 บาท (ขึ้นอยู่กับตลาด)
หากท่านใดสนใจการเลี้ยงขยายพันธุ์ "หนอนนก" สามารถขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว สำนักวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร โทรศัพท์ 0 2579 7813-4 ในวัน เวลาราชการ
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหนอนนก
ชื่อสามัญ : Mealworm
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Tenebrio molitor L.
อันดับ : Coleoptera
วงศ์ : Tenebrionidae
หนอนนกมีคุณค่าทางอาหารสูง โดยเฉพาะโปรตีนและไขมัน เหมาะสมในการนำไปเป็นอาหารแก่สัตว์บกและสัตว์น้ำ เช่น นก ไก่ ปลา ฯลฯ เนื่องจากหนอนนกมีช่วงเวลาที่เป็นหนอน (ตัวอ่อน)ที่ยาวนาน จึงสามารถที่จะเลือกหนอนนกได้ตามความเหมาะสมของสัตว์ที่เลี้ยง
ไข่ของหนอนนกมีลักษณะเป็นสีขาว ค่อนข้างยาว มีสีขาวนวล ผิวเป็นมันรูปร่างรี ขนาดประมาณ 0.8 - 1.8 มิลลิเมตร จนถึงขนาด 1.5 - 2 มิลลิเมตร ชอบวางไข่บริเวณก้นถาด หรือติดกับอาหาร สังเกตเห็นได้ยาก ต้องอาศัยความชำนาญและสังเกตบ่อย ๆ การฟักตัวใช้เวลาประมาณ 7 - 10 วัน จนเป็นตัวอ่อน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของอากาศ ฤดูหนาวจะฟักออกเป็นตัวช้ากว่าฤดูร้อน
ระยะนี้ตัวจะยาวมาก ฟักออกจากไข่ใหม่ ๆ จะมีสีขาว ขนาดเท่าเส้นด้ายยาว 2 - 3 มิลลิเมตร มีปล้องจำนวน 9 ปล้อง ปล้องสุดท้ายมีขนาดเล็ก ลำตัวผอมยาว ลักษณะคล้ายทรงกระบอก ขาสั้น เมื่อส่องด้วยกล้องจะมองเห็นเส้นข้างลำตัวเป็นสีน้ำตาลและบนเส้นบ้างลำตัวมีรูหายใจ ปล้องละ 1 รู จากนั้นจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อน ใช้ระยะเวลาประมาณ 55 - 80 วันก็จะกลายเป็นตัวดักแด้
ดักแด้หนอนนกจะเป็นแบบ Exarate Pupa ส่วนหัวโตแล้วค่อย ๆ เรียวเล็กลงไปทางด้านหาง เมื่อเข้าดักแด้ใหม่ ๆ ตัวจะเป็นสีขาว ลำตัวเหยียดตรง หลังจากนั้นจะงอตัวทางด้านท้องแล้วเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อน จนกระทั่งเข้มขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนหัวพับเข้าหาส่วนอก ส่วนปีกพับไปอยู่ระหว่างขาเดินคู่ที่สอง และ คู่ที่สาม จะนอนนิ่ง ๆ ไม่เคลื่อนไหว นอกจากจะมีสิ่งรบกวน อาจมีการเคลื่อนไหวบ้างเล็กน้อย โดยการดึงหน้าท้องเข้าออก ระยะนี้ตัวจะอ่อนนุ่ม แต่ในช่วงท้ายจะแข็ง ในระยะดักแด้ใช้เวลา 6 - 8 วัน ก่อนที่จะเป็นตัวเต็มวัย
หลังจากเข้าดักแด้แล้ว 6 - 8 วัน จะมีการลอกคราบอีกครั้งหนึ่ง เพื่อออกมาเป็นตัวเต็มวัย โดยดันตัวออกมาส่วนหัวจะออกมาก่อน ตัวเต็มวัยที่ออกมาจากดักแด้ใหม่ ๆ มีลำตัวสีขาวนวล ด้านท้องบริเวณอกจะมีสีเหลืองอ่อน ส่วนหัว ขา และหนวด มีสีน้ำตาลเข็ม ตามีสีดำ หลังจากนั้นส่วนต่าง ๆ ก็จะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม
ไปหน้าแรก อาชีพเสริมแก้จน
เรียบเรียงบทความจาก kasetporpeang.com โดยคุณ vud
การเพาะเลี้ยงหนอนนกเพื่อการค้า
ด้วยหนอนนกเป็นแมลงศัตรูผลิตผลเกษตรที่มีขนาดใหญ่ที่สุด การเจริญเติบโตแบบสมบูรณ์ ดังนี้ ระยะไข่ 5-7 วัน ระยะหนอน 75-90 วัน ระยะดักแด้ 5-7 วัน ระยะตัวเต็มวัย 5-6 เดือน
แมลงชนิดนี้มีระยะหนอนที่ยาวนานและหนอนมีคุณค่าทางอาหารสูงเมื่อใช้เป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ในปริมาณที่เหมาะสมจะทำให้สัตว์มีสุขภาพแข็งแรง จึงมีผู้นิยมนำมาเพาะขยายพันธุ์เพื่อผลิตเป็นอาหารสัตว์เชิงการค้า เช่น เป็นอาหารสัตว์ปีก ปลาสวยงาม กระรอก ฯลฯ ดังนั้น เกษตรกรหรือผู้ที่สนใจสามารถเพาะสัตว์หนอนนกได้เองก็จะสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซื้ออาหารสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ได้
ขั้นตอนการเลี้ยง
1. นำอาหารไก่ 500 กรัม เทลงในถาดอะลูมิเนียมใส่หนอนนกประมาณ 300 ตัว จากนั้นใช้สำลีชุบน้ำหรือน้ำผึ้งผสมน้ำให้ชุ่มพอหมาดวางลงกลางถาด (หมั่นเติมน้ำเป็นระยะอย่าให้น้ำแห้ง) ปิดด้วยตาข่ายมุ้ง วางบนชั้นสำหรับเลี้ยงแมลงหรือเลี้ยงในห้องที่มีมุ้งลวด เมื่อหนอนขับถ่ายมูลออกมามากควรใช้ตะแกรงร่อนเอาตัวหนอนออกและนำไปใส่ถาดใหม่ เติมอาหารทุก 1-2 สัปดาห์
2. เมื่อเลี้ยงได้ระยะหนึ่งหนอนนกจะเข้าดักแด้ ซึ่งจะไม่กินอาหารประมาณ 5-7 วัน แยกดักแด้ออกมาใส่ลงในถาดใหม่ เมื่อดักแด้เปลี่ยนเป็นตัวเต็มวัยให้แยกไปไว้ในถาดที่มีอาหารเหมือนกันการเริ่มเลี้ยงหนอนโดยใส่ตัวเต็มวัยถาดละ 100-150 คู่ ตัวเต็มวัยจะเริ่มผสมพันธุ์หลังออกจากดักแด้ประมาณ 7 วัน ตัวเมียจะวางไข่ตัวละ 1-2 ฟอง/วัน อายุการวางไข่ 40-50 วัน
3. หลังจากตัวเต็มวัยวางไข่แล้ว 7 วัน ให้แยกตัวเต็มวัยออกจากถาดเดิม นำไปเลี้ยงในอาหารถาดใหม่เพื่อให้ตัวเต็มวัยวางไข่และเจริญเติบโตเป็นตัวหนอนซึ่งใช้เวลา 5-7 วัน ระยะหนอนจะลอกคราบ 10-14 ครั้ง หรือมีอายุ 76-90 วัน (ระยะการขายอายุประมาณ 60 วัน) ทำการเลี้ยงขยายอย่างว่องไว และแยกใส่ถาดอาหารใหม่ทุก 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้ได้ไข่หรือหนอนที่มีขนาดใกล้เคียงกันเป็นชุด ๆ
ศัตรูของหนอนนก
ศัตรูพืชของหนอนนก ได้แก่ มอดแป้ง มด แมลงสาบ ที่อาจจะติดมากับอาหาร ดังนั้น ควรนำอาหารไปแช่แข็งประมาณ 7 วัน หรืออบอาหารที่อุณหภูมิประมาณ 80 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ทิ้งไว้ในอุณหภูมิปกติก่อนนำมาเป็นอาหารหนอนนก ศัตรูอื่นๆ ได้แก่ จิ้งจก นก และหนู
ต้นทุนการเลี้ยงหนอนนก
การผลิตหนอนนก 1 กิโลกรัมใช้ต้นทุนประมาณ 70 บาท ใช้เวลาการผลิต 8-9 สัปดาห์ ซึ่งปัจจุบันหนอนนกราคากิโลกรัมละ 150-200 บาท (ขึ้นอยู่กับตลาด)
หากท่านใดสนใจการเลี้ยงขยายพันธุ์ "หนอนนก" สามารถขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว สำนักวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร โทรศัพท์ 0 2579 7813-4 ในวัน เวลาราชการ
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหนอนนก
ชื่อสามัญ : Mealworm
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Tenebrio molitor L.
อันดับ : Coleoptera
วงศ์ : Tenebrionidae
หนอนนกมีคุณค่าทางอาหารสูง โดยเฉพาะโปรตีนและไขมัน เหมาะสมในการนำไปเป็นอาหารแก่สัตว์บกและสัตว์น้ำ เช่น นก ไก่ ปลา ฯลฯ เนื่องจากหนอนนกมีช่วงเวลาที่เป็นหนอน (ตัวอ่อน)ที่ยาวนาน จึงสามารถที่จะเลือกหนอนนกได้ตามความเหมาะสมของสัตว์ที่เลี้ยง
ไข่ของหนอนนกมีลักษณะเป็นสีขาว ค่อนข้างยาว มีสีขาวนวล ผิวเป็นมันรูปร่างรี ขนาดประมาณ 0.8 - 1.8 มิลลิเมตร จนถึงขนาด 1.5 - 2 มิลลิเมตร ชอบวางไข่บริเวณก้นถาด หรือติดกับอาหาร สังเกตเห็นได้ยาก ต้องอาศัยความชำนาญและสังเกตบ่อย ๆ การฟักตัวใช้เวลาประมาณ 7 - 10 วัน จนเป็นตัวอ่อน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของอากาศ ฤดูหนาวจะฟักออกเป็นตัวช้ากว่าฤดูร้อน
ระยะนี้ตัวจะยาวมาก ฟักออกจากไข่ใหม่ ๆ จะมีสีขาว ขนาดเท่าเส้นด้ายยาว 2 - 3 มิลลิเมตร มีปล้องจำนวน 9 ปล้อง ปล้องสุดท้ายมีขนาดเล็ก ลำตัวผอมยาว ลักษณะคล้ายทรงกระบอก ขาสั้น เมื่อส่องด้วยกล้องจะมองเห็นเส้นข้างลำตัวเป็นสีน้ำตาลและบนเส้นบ้างลำตัวมีรูหายใจ ปล้องละ 1 รู จากนั้นจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อน ใช้ระยะเวลาประมาณ 55 - 80 วันก็จะกลายเป็นตัวดักแด้
ดักแด้หนอนนกจะเป็นแบบ Exarate Pupa ส่วนหัวโตแล้วค่อย ๆ เรียวเล็กลงไปทางด้านหาง เมื่อเข้าดักแด้ใหม่ ๆ ตัวจะเป็นสีขาว ลำตัวเหยียดตรง หลังจากนั้นจะงอตัวทางด้านท้องแล้วเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อน จนกระทั่งเข้มขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนหัวพับเข้าหาส่วนอก ส่วนปีกพับไปอยู่ระหว่างขาเดินคู่ที่สอง และ คู่ที่สาม จะนอนนิ่ง ๆ ไม่เคลื่อนไหว นอกจากจะมีสิ่งรบกวน อาจมีการเคลื่อนไหวบ้างเล็กน้อย โดยการดึงหน้าท้องเข้าออก ระยะนี้ตัวจะอ่อนนุ่ม แต่ในช่วงท้ายจะแข็ง ในระยะดักแด้ใช้เวลา 6 - 8 วัน ก่อนที่จะเป็นตัวเต็มวัย
หลังจากเข้าดักแด้แล้ว 6 - 8 วัน จะมีการลอกคราบอีกครั้งหนึ่ง เพื่อออกมาเป็นตัวเต็มวัย โดยดันตัวออกมาส่วนหัวจะออกมาก่อน ตัวเต็มวัยที่ออกมาจากดักแด้ใหม่ ๆ มีลำตัวสีขาวนวล ด้านท้องบริเวณอกจะมีสีเหลืองอ่อน ส่วนหัว ขา และหนวด มีสีน้ำตาลเข็ม ตามีสีดำ หลังจากนั้นส่วนต่าง ๆ ก็จะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม
ไปหน้าแรก อาชีพเสริมแก้จน
เรียบเรียงบทความจาก kasetporpeang.com โดยคุณ vud