หลังจากที่ได้แนะนำเรื่องราวของมะเดื่อฝรั่งไปแล้วเมื่อบทความก่อนหน้านี้ (มะเดื่อฝรั่ง) ต่อไปเราดูวิธีการปลูกกันเลยครับ การ "การปลูกมะเดื่อฝรั่งในกระถาง"
สำหรับการปลูกมะเดื่อฝรั่งในกระถาง จะใช้ระยะเวลาในการปลูก จนถึง เก็บผลผลิต (ผลสุกผลแรก) ใช้ระยะเวลารวมประมาณ 6 เดือน ก็ได้กินลูกแล้วครับ การปลูกมะเดื่อฝรั่งของผม ใช้วิธีชำกิ่ง และกิ่งพันธุ์ที่ได้รับจากคุณลุงอรรถ คือ พันธุ์ Brow Turkey ซึ่งลุงอรรถบอกว่าเป็นพันธุ์ที่ปลูกง่าย และเหมาะสำหรับเมืองไทย
เริ่มแรก หลังจากได้กิ่งพันธุ์มา เราก็เตรียมดิน อาจจะใช้ดินถุงๆ ละ 15-20 บาทก็ได้ เสร็จแล้วกรอกดินใส่ในถุงดำขนาด 4-6 นิ้ว รดน้ำให้พอชุ่ม แล้ววางไว้ในที่ร่ม อากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่ร้อนจัดจนเกินไป
สำหรับความลึกในการปักกิ่งมะเดื่อลงไปในถุงเพาะชำ ควรปักลงไปประมาณ 1/3 เนื่องจากรากของมะเดื่อสามารถงอกได้จากทุกส่วนของลำต้น (ไม่เฉพาะส่วนปลายที่รอยตัดกิ่ง) และควรชุบน้ำยาเร่งรากด้วยนะครับ
หลังจากนั้น ประมาณ 7-10 วัน กิ่งมะเดื่อก็จะเริ่มแตกยอดอ่อน ข้อแนะนำ ระหว่างช่วงวันแรกที่เริ่มชำก็คือ ไม่ควรรดน้ำให้แฉะเกินไป ควรรดน้ำแต่พอชุ่ม และต้องระวังกิ่งมะเดื่อเน่าเสียก่อน แม้จะมีใบแล้วก็ตาม ดังนั้นการป้องกันในระยะนี้ควรมีการใส่เชื้อไตรโคเดอรม่าร์ หรือ พด.3 ที่หาได้จากกรมพัฒนาที่ดิน (ควรเตรียมเชื้อนี้ไว้ก่อน อาจทำในรูปแบบของปุ๋ยหมักก็ได้) ในช่วงนี้ยังไม่ต้องให้ปุ๋ยนะครับ เนื่องจากระบบรากของต้นมะเดื่ออ่อนแอมากๆ ถ้าให้ปุ๋ยแรงเกินไป (เค็มเกินไป) อาจทำให้รากเน่าเปื่อยได้ง่าย แม้กระทั่งการรดน้ำมากๆ ก็อาจทำให้เน่าได้
หลังจากพ้นระยะชำประมาณ 20-30 วัน ไม่ควรเร่งปุ๋ยมากเกินไป และไม่ควรให้น้ำแฉะเกินไป มะเดื่อก็จะเริ่มแตกใบอ่อนได้ 3-5 ใบแล้ว ดูเหมือนจะโตพอที่จะแยกลงกระถางได้แล้วล่ะ ... แต่ถ้ายังไม่เอาลงกระถางก็ไม่เป็นไร ปล่อยไว้อีกสัก 10 วันก็ยังได้ การให้ปุ๋ยในระยะนี้สำหรับผมก็ยังให้ปุ๋ยธรรมชาติ คือ ขี้วัว ครับ และอีกอย่างผมใช้ดินที่ซื้อจากร้านเกษตรทั่วไป ถุงละ 20 บาท เป็นดินที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์เลยไม่จำเป็นต้องให้ปุ๋ย แต่รดน้ำหมักบ้างเล็กน้อย
ลืมเรื่องแสงแดด ไม่ควรให้มะเดื่อโดนแดดทั้งวัน ควรให้โดนแดดได้ช่วงเวลา 0700-0800 และ 1700-1800 จะเป็นเวลาที่เหมาะเพราะเป็นแดดอ่อนๆ ไม่แรงมากไป หากให้แดดทั้งวันมีหวังใบไหม้เกรียมแน่ๆ
ปลูกมาแล้ว 40 วัน ใบเริ่มกว้างกว่า 7 นิ้ว ข้อดีของมะเดื่อฝรั่งพันธุ์บราวเทอร์กี้ นี้ เป็นมะเดื่อที่โตเร็ว และให้ผลผลิตเร็วมากครับ ปัจจุบันผมได้ทดลองกินแล้ว 5 ลูก อร่อยยยย ไม่หวานจัด เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพจริงๆ ผ่านไป 4 เดือน มะเดื่อฝรั่งเริ่มติดลูกแล้ว ขนาดของใบกว้างกว่า 8 นิ้ว ยาวกว่า 10 นิ้ว การให้น้ำให้ปุ๋ย สามารถให้ได้เต็มที่ เพื่อเร่งผล .... มะเดื่อจะออกมาเป็นผลเล็กๆ แล้วจะค่อยๆ ขยายโตขึ้นเรื่อยๆ เมื่อผลมะเดื่อสุกได้ที่ ก็สามารถเก็บออกจำหน่ายได้เลยครับ
ไปหน้าแรก อาชีพอิสระน่ารู้
ที่มา http://www.kasetporpeang.com
สำหรับการปลูกมะเดื่อฝรั่งในกระถาง จะใช้ระยะเวลาในการปลูก จนถึง เก็บผลผลิต (ผลสุกผลแรก) ใช้ระยะเวลารวมประมาณ 6 เดือน ก็ได้กินลูกแล้วครับ การปลูกมะเดื่อฝรั่งของผม ใช้วิธีชำกิ่ง และกิ่งพันธุ์ที่ได้รับจากคุณลุงอรรถ คือ พันธุ์ Brow Turkey ซึ่งลุงอรรถบอกว่าเป็นพันธุ์ที่ปลูกง่าย และเหมาะสำหรับเมืองไทย
เริ่มแรก หลังจากได้กิ่งพันธุ์มา เราก็เตรียมดิน อาจจะใช้ดินถุงๆ ละ 15-20 บาทก็ได้ เสร็จแล้วกรอกดินใส่ในถุงดำขนาด 4-6 นิ้ว รดน้ำให้พอชุ่ม แล้ววางไว้ในที่ร่ม อากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่ร้อนจัดจนเกินไป
สำหรับความลึกในการปักกิ่งมะเดื่อลงไปในถุงเพาะชำ ควรปักลงไปประมาณ 1/3 เนื่องจากรากของมะเดื่อสามารถงอกได้จากทุกส่วนของลำต้น (ไม่เฉพาะส่วนปลายที่รอยตัดกิ่ง) และควรชุบน้ำยาเร่งรากด้วยนะครับ
หลังจากนั้น ประมาณ 7-10 วัน กิ่งมะเดื่อก็จะเริ่มแตกยอดอ่อน ข้อแนะนำ ระหว่างช่วงวันแรกที่เริ่มชำก็คือ ไม่ควรรดน้ำให้แฉะเกินไป ควรรดน้ำแต่พอชุ่ม และต้องระวังกิ่งมะเดื่อเน่าเสียก่อน แม้จะมีใบแล้วก็ตาม ดังนั้นการป้องกันในระยะนี้ควรมีการใส่เชื้อไตรโคเดอรม่าร์ หรือ พด.3 ที่หาได้จากกรมพัฒนาที่ดิน (ควรเตรียมเชื้อนี้ไว้ก่อน อาจทำในรูปแบบของปุ๋ยหมักก็ได้) ในช่วงนี้ยังไม่ต้องให้ปุ๋ยนะครับ เนื่องจากระบบรากของต้นมะเดื่ออ่อนแอมากๆ ถ้าให้ปุ๋ยแรงเกินไป (เค็มเกินไป) อาจทำให้รากเน่าเปื่อยได้ง่าย แม้กระทั่งการรดน้ำมากๆ ก็อาจทำให้เน่าได้
หลังจากพ้นระยะชำประมาณ 20-30 วัน ไม่ควรเร่งปุ๋ยมากเกินไป และไม่ควรให้น้ำแฉะเกินไป มะเดื่อก็จะเริ่มแตกใบอ่อนได้ 3-5 ใบแล้ว ดูเหมือนจะโตพอที่จะแยกลงกระถางได้แล้วล่ะ ... แต่ถ้ายังไม่เอาลงกระถางก็ไม่เป็นไร ปล่อยไว้อีกสัก 10 วันก็ยังได้ การให้ปุ๋ยในระยะนี้สำหรับผมก็ยังให้ปุ๋ยธรรมชาติ คือ ขี้วัว ครับ และอีกอย่างผมใช้ดินที่ซื้อจากร้านเกษตรทั่วไป ถุงละ 20 บาท เป็นดินที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์เลยไม่จำเป็นต้องให้ปุ๋ย แต่รดน้ำหมักบ้างเล็กน้อย
ลืมเรื่องแสงแดด ไม่ควรให้มะเดื่อโดนแดดทั้งวัน ควรให้โดนแดดได้ช่วงเวลา 0700-0800 และ 1700-1800 จะเป็นเวลาที่เหมาะเพราะเป็นแดดอ่อนๆ ไม่แรงมากไป หากให้แดดทั้งวันมีหวังใบไหม้เกรียมแน่ๆ
ปลูกมาแล้ว 40 วัน ใบเริ่มกว้างกว่า 7 นิ้ว ข้อดีของมะเดื่อฝรั่งพันธุ์บราวเทอร์กี้ นี้ เป็นมะเดื่อที่โตเร็ว และให้ผลผลิตเร็วมากครับ ปัจจุบันผมได้ทดลองกินแล้ว 5 ลูก อร่อยยยย ไม่หวานจัด เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพจริงๆ ผ่านไป 4 เดือน มะเดื่อฝรั่งเริ่มติดลูกแล้ว ขนาดของใบกว้างกว่า 8 นิ้ว ยาวกว่า 10 นิ้ว การให้น้ำให้ปุ๋ย สามารถให้ได้เต็มที่ เพื่อเร่งผล .... มะเดื่อจะออกมาเป็นผลเล็กๆ แล้วจะค่อยๆ ขยายโตขึ้นเรื่อยๆ เมื่อผลมะเดื่อสุกได้ที่ ก็สามารถเก็บออกจำหน่ายได้เลยครับ
ไปหน้าแรก อาชีพอิสระน่ารู้
ที่มา http://www.kasetporpeang.com