อาชีพเสริม อาชีพอิสระกับการทำกระเป๋าผ้ากิโมโน มิกซ์แอนด์แมทช์ กลิ่นอายญี่ปุ่นฝีมือไทย ตัวอย่างอาชีพที่น่าสนใจ
สวัสดีครับ วันนี้ผมนำเอาเรื่องราวของการดำเนินธุรกิจ หรืออาชีพอิสระของ SMEs ไทยที่นำเอาไอเดียมาสร้างสรรค์เป็นผลงานและสินค้าออกมาจำหน่าย เป็นสินค้าที่มีสไตล์โดดเด่นอย่างชัดเจนอย่างผ้าญี่ปุ่นสำหรับตัดชุดประจำ ชาติของญี่ปุ่น ที่เรียกว่า “กิโมโน” ถูกนำมาประยุกต์เป็นกระเป๋าดีไซน์สวยแปลกตา โดยฝีมือของ SMEs ไทยจาก จ.เชียงใหม่ ช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้า โดดเด่นจากท้องตลาดทั่วไป นับเป็นอีกไอเดียสร้างสรรค์นำความต่างมาผสานกันได้อย่างลงตัว
ศิริมา จันทัย บริษัท โปรดักซ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เล่าว่า เดิมยึดอาชีพทำสินค้าหัตถกรรมจักสานอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ จนเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว โรงงานทำผ้ากิโมโนแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ว่าจ้างให้เอาผ้าตัดชุดกิโมโนผสมกับเครื่องจักสาน ทำเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในบ้านต่างๆ เช่น ตะกร้า กล่องใส่กระดาษชำระ ฯลฯ เพื่อไปขายยังประเทศญี่ปุ่น
จากนั้น เวลานับ 10 ปีต่อเนื่อง ที่รับหน้าที่ทำสินค้าส่งให้โรงงานญี่ปุ่นแห่งนี้เจ้าเดียว อย่างไรก็ตาม ด้วยภาวะเศรษฐกิจประเทศญี่ปุ่นชะลอตัว กลายเป็นจุดเปลี่ยนให้เอสเอ็มอีไทยรายนี้ พลิกบทบาทจากรับจ้างทำตามคำสั่ง มาเป็นผู้ผลิตสินค้าของตัวเอง
“ ดิฉันทำธุรกิจกับชาวญี่ปุ่นรายนี้มายาวนาน จนเป็นเพื่อนสนิทกัน เมื่อยอดขายในประเทศญี่ปุ่นไม่ดี เลยปรึกษากันว่า เขาจะส่งผ้าทำชุดกิโมโนมาให้ดิฉันเจ้าเดียว เพื่อใช้ทำเป็นสินค้าต่างๆ ขายในเมืองไทยแทน โดยดิฉันเลือกจะทำเป็นกระเป๋า สร้างความแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร” ศิริมา เล่าจุดเริ่มต้นของกระเป๋าผ้ากิโมโน
โดยส่วนตัว เรียนจบด้านบริหารธุรกิจ ไม่มีพื้นฐานความรู้ศิลปะหรือออกแบบแต่อย่างใด ทว่า จากที่คลุกคลีทำสินค้าหัตถกรรมและสิ่งทอมานับ 10 ปี จึงอาศัยประสบการณ์ ประกอบกับหาข้อมูลเสริมจากนิตยสาร อินเทอร์เน็ต ฯลฯ เพื่อ ดีไซน์กระเป๋าและสินค้าต่างๆ ด้วยตัวเอง
ศิริมา เล่าว่า การออกแบบจะเน้นสไตล์เรียบง่าย ดูดี ไม่ตามกระแสแฟชั่นมากเกินไป เพื่อให้ผู้ซื้อใช้งานได้นาน มีจุดเด่นที่การผสมวัตถุดิบผ้าญี่ปุ่นที่มีลวดลาย และสีสันสวยงาม เข้ากับวัสดุอื่นๆ เช่น ผ้าแคทวาต หนังแท้ เป็นต้น ในส่วนช่องทางตลาด อาศัยมีหน้าร้านอยู่ที่ ถ.นิมมานเหมินทร์ และ ถ.ท่าแพ จ.เชียงใหม่ ควบคู่กับออกงานแสดงสินค้าเพื่อการส่งออกต่างๆ
สำหรับสินค้า แบ่งเป็น 3 ประเภทได้แก่ กระเป๋า กิฟท์ชอป และเครื่องแต่งกาย โดยรวมมีกว่า 250 รายการ ราคา เริ่มต้นที่ชิ้นละ 35 บาท คือ สินค้าชิ้นเล็กๆ อย่างกิ๊บติดผม เป็นต้น ส่วนสูงสุด คือ กระเป๋า ใบละ 1,690 บาท ส่วนการผลิตใช้วิธีว่าจ้างกลุ่มแม่บ้านที่ จ.เชียงใหม่ กำลังการผลิตโดยเฉลี่ยสำหรับกระเป๋า ประมาณ 300 ใบต่อเดือน ส่วนสินค้าชิ้นเล็กๆ ประมาณหลักพันชิ้นต่อเดือน
ทั้งนี้ ยอดขายกว่า 60% มาจากรับผลิตตามออเดอร์ให้ลูกค้าต่างประเทศ นำไปขายยังต่างประเทศ เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี ญี่ปุ่น เป็นต้น ส่วนขายปลีกหน้าร้าน ประมาณ 40% กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นสุภาพสตรีที่ไม่ชอบใช้สินค้าเหมือนใคร มีตั้งแต่วัยรุ่น วัยทำงาน จนถึงผู้สูงอายุ
เธอเล่าด้วยว่า ผ้าที่ใช้ทำชุดกิโมโน ส่วนใหญ่เป็นผ้าปรเภท เรยอน ผ้าโพลีเอสเตอร์ และฝ้าย มีเอกลักษณ์เด่นที่การทอจะเป็นลายโบราณของญี่ปุ่นแท้ๆ เนื้อแน่น แต่นุ่ม อีกทั้ง ลายกับสีที่พิมพ์ลงบนเนื้อผ้า สวยงามยากจะเลียนแบบได้ มีให้เลือกกว่า 200 ลาย ซึ่งปัจจุบัน ผ้าทำชุดกิโมโนแท้ๆ แม้แต่ในประเทศญี่ปุ่นเอง ยังถือเป็นของหายาก เพราะเหลือโรงงานผลิตอยู่ไม่มากนัก ส่วนใหญ่ปิดตัวเองลงไป ตามความนิยมของยุคสมัย ดังนั้น ราคาผ้าจึงค่อนข้างสูง เฉลี่ยที่รับซื้อมาอยู่เมตรละ 700 บาท
“เนื่องจากเป็นผ้าที่หายาก ราคาแพง และโรงงานผ้าที่ญี่ปุ่นจะส่งผ้ามาให้เราเจ้าเดียว ข้อดีในเมืองไทยไม่มีใครเลียนแบบสินค้าเราได้เลย แต่ข้อจำกัด โรงงานที่ญี่ปุ่นก็ผลิตผ้าได้ในปริมาณไม่มาก ส่วนการผลิตของเราเอง ก็เป็นแฮนด์เมด 100% ไม่สามารถทำในปริมาณมากๆ ได้ ขณะนี้ การผลิตจึงยังไม่ทันกับความต้องการของลูกค้า อีกทั้ง ไม่สามารถรับออเดอร์ปริมาณมากๆ ได้” ศิริมา อธิบายทิ้งท้าย
ไปหน้าแรก อาชีพเสริมอาชีพอิสระแก้จน
ขอบคุณบทความดี ๆ จาก Manager
สวัสดีครับ วันนี้ผมนำเอาเรื่องราวของการดำเนินธุรกิจ หรืออาชีพอิสระของ SMEs ไทยที่นำเอาไอเดียมาสร้างสรรค์เป็นผลงานและสินค้าออกมาจำหน่าย เป็นสินค้าที่มีสไตล์โดดเด่นอย่างชัดเจนอย่างผ้าญี่ปุ่นสำหรับตัดชุดประจำ ชาติของญี่ปุ่น ที่เรียกว่า “กิโมโน” ถูกนำมาประยุกต์เป็นกระเป๋าดีไซน์สวยแปลกตา โดยฝีมือของ SMEs ไทยจาก จ.เชียงใหม่ ช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้า โดดเด่นจากท้องตลาดทั่วไป นับเป็นอีกไอเดียสร้างสรรค์นำความต่างมาผสานกันได้อย่างลงตัว
ศิริมา จันทัย บริษัท โปรดักซ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เล่าว่า เดิมยึดอาชีพทำสินค้าหัตถกรรมจักสานอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ จนเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว โรงงานทำผ้ากิโมโนแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ว่าจ้างให้เอาผ้าตัดชุดกิโมโนผสมกับเครื่องจักสาน ทำเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในบ้านต่างๆ เช่น ตะกร้า กล่องใส่กระดาษชำระ ฯลฯ เพื่อไปขายยังประเทศญี่ปุ่น
จากนั้น เวลานับ 10 ปีต่อเนื่อง ที่รับหน้าที่ทำสินค้าส่งให้โรงงานญี่ปุ่นแห่งนี้เจ้าเดียว อย่างไรก็ตาม ด้วยภาวะเศรษฐกิจประเทศญี่ปุ่นชะลอตัว กลายเป็นจุดเปลี่ยนให้เอสเอ็มอีไทยรายนี้ พลิกบทบาทจากรับจ้างทำตามคำสั่ง มาเป็นผู้ผลิตสินค้าของตัวเอง
โดยส่วนตัว เรียนจบด้านบริหารธุรกิจ ไม่มีพื้นฐานความรู้ศิลปะหรือออกแบบแต่อย่างใด ทว่า จากที่คลุกคลีทำสินค้าหัตถกรรมและสิ่งทอมานับ 10 ปี จึงอาศัยประสบการณ์ ประกอบกับหาข้อมูลเสริมจากนิตยสาร อินเทอร์เน็ต ฯลฯ เพื่อ ดีไซน์กระเป๋าและสินค้าต่างๆ ด้วยตัวเอง
ศิริมา เล่าว่า การออกแบบจะเน้นสไตล์เรียบง่าย ดูดี ไม่ตามกระแสแฟชั่นมากเกินไป เพื่อให้ผู้ซื้อใช้งานได้นาน มีจุดเด่นที่การผสมวัตถุดิบผ้าญี่ปุ่นที่มีลวดลาย และสีสันสวยงาม เข้ากับวัสดุอื่นๆ เช่น ผ้าแคทวาต หนังแท้ เป็นต้น ในส่วนช่องทางตลาด อาศัยมีหน้าร้านอยู่ที่ ถ.นิมมานเหมินทร์ และ ถ.ท่าแพ จ.เชียงใหม่ ควบคู่กับออกงานแสดงสินค้าเพื่อการส่งออกต่างๆ
สำหรับสินค้า แบ่งเป็น 3 ประเภทได้แก่ กระเป๋า กิฟท์ชอป และเครื่องแต่งกาย โดยรวมมีกว่า 250 รายการ ราคา เริ่มต้นที่ชิ้นละ 35 บาท คือ สินค้าชิ้นเล็กๆ อย่างกิ๊บติดผม เป็นต้น ส่วนสูงสุด คือ กระเป๋า ใบละ 1,690 บาท ส่วนการผลิตใช้วิธีว่าจ้างกลุ่มแม่บ้านที่ จ.เชียงใหม่ กำลังการผลิตโดยเฉลี่ยสำหรับกระเป๋า ประมาณ 300 ใบต่อเดือน ส่วนสินค้าชิ้นเล็กๆ ประมาณหลักพันชิ้นต่อเดือน
ทั้งนี้ ยอดขายกว่า 60% มาจากรับผลิตตามออเดอร์ให้ลูกค้าต่างประเทศ นำไปขายยังต่างประเทศ เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี ญี่ปุ่น เป็นต้น ส่วนขายปลีกหน้าร้าน ประมาณ 40% กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นสุภาพสตรีที่ไม่ชอบใช้สินค้าเหมือนใคร มีตั้งแต่วัยรุ่น วัยทำงาน จนถึงผู้สูงอายุ
เธอเล่าด้วยว่า ผ้าที่ใช้ทำชุดกิโมโน ส่วนใหญ่เป็นผ้าปรเภท เรยอน ผ้าโพลีเอสเตอร์ และฝ้าย มีเอกลักษณ์เด่นที่การทอจะเป็นลายโบราณของญี่ปุ่นแท้ๆ เนื้อแน่น แต่นุ่ม อีกทั้ง ลายกับสีที่พิมพ์ลงบนเนื้อผ้า สวยงามยากจะเลียนแบบได้ มีให้เลือกกว่า 200 ลาย ซึ่งปัจจุบัน ผ้าทำชุดกิโมโนแท้ๆ แม้แต่ในประเทศญี่ปุ่นเอง ยังถือเป็นของหายาก เพราะเหลือโรงงานผลิตอยู่ไม่มากนัก ส่วนใหญ่ปิดตัวเองลงไป ตามความนิยมของยุคสมัย ดังนั้น ราคาผ้าจึงค่อนข้างสูง เฉลี่ยที่รับซื้อมาอยู่เมตรละ 700 บาท
“เนื่องจากเป็นผ้าที่หายาก ราคาแพง และโรงงานผ้าที่ญี่ปุ่นจะส่งผ้ามาให้เราเจ้าเดียว ข้อดีในเมืองไทยไม่มีใครเลียนแบบสินค้าเราได้เลย แต่ข้อจำกัด โรงงานที่ญี่ปุ่นก็ผลิตผ้าได้ในปริมาณไม่มาก ส่วนการผลิตของเราเอง ก็เป็นแฮนด์เมด 100% ไม่สามารถทำในปริมาณมากๆ ได้ ขณะนี้ การผลิตจึงยังไม่ทันกับความต้องการของลูกค้า อีกทั้ง ไม่สามารถรับออเดอร์ปริมาณมากๆ ได้” ศิริมา อธิบายทิ้งท้าย
ไปหน้าแรก อาชีพเสริมอาชีพอิสระแก้จน
ขอบคุณบทความดี ๆ จาก Manager
