สวัสดีครับเพื่อน ๆ ทุกท่าน วันนี้ผมไม่ได้เอาอาชีพอะไรมาแนะนำ เพียงแต่ว่าไปอ่านเจออาชีพหนึ่ง ซึ่งเป็นอาชีพพื้น ๆ ที่ทุกท่านรู้จักกันดีและก็ใช้บริการกันมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะคนเมืองที่เวลาเป็นของมีค่า และใช้ชีวิตกันอย่างเร่งรีบ อาชีพที่ว่านั่นก็คืออาชีพการขายข้าวแกงนั่นเอง ต้องขอบอกก่อนว่าบทความนี้ผมไม่ได้เขียนเองแต่นำเอามาจากเว็บ www.manager.co.th ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณมานะที่นี้ด้วย เพื่อน ๆ ลองอ่านกันดูครับ
ในช่วงที่ค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้น จากราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นไม่เว้นแม้แต่อาหาร ทำให้หลายคนต้องปรับตัวเพราะรายได้ที่ไม่เพิ่มตาม ด้วยเหตุนี้ การเลือกซื้อสินค้าหรืออาหารจะต้องเลือกที่จำเป็นเท่านั้น และสำหรับคนที่มีรายได้น้อย วันนี้ไม่ได้ไม่มีทางเลือกเสียทีเดียว เพราะยังมีพ่อค้า แม่ค้าใจดีที่ยอมได้กำไรน้อยลง และขายราคาถูก อย่างร้านขายแกงของสองสามีภรรยา “นายเฉลิมพล นางพัยคูณ เดชากาญจนาพร” ที่ยังคงราคาแกงถุงละ 10 บาทจนถึงวันนี้เป็นระยะเวลานานกว่า 20 ปีแล้ว
เฉลิมพล ผู้เป็นสามีเล่าว่า ตนและภรรยาได้ทำอาชีพอิสระเปิดร้านขายแกงอยู่ที่ตลาดปากเกร็ด ซึ่งเปิดขายมาจนถึงวันนี้เกือบ 26 ปี โดยตั้งราคาขายที่ถุงละ 10 บาท วันนั้นก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะทุกร้านขายถุงละ 10 บาท พอผ่านไประยะเวลาหนึ่งวัตถุดิบต่างปรับราคาเพิ่มขึ้น ทุกร้านเริ่มปรับราคาเป็น 15 บาท และต่อมาเป็น 20 บาท และปัจจุบันมีตั้งแต่ 20 บาท ไปจนถึง 30 บาท แต่ในส่วนของร้านเราก็ยังคงราคาเดิมคือถุงละ 10 บาท
สำหรับเหตุผลที่ไม่มีการปรับราคามาเลยตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงทุกวันนี้ ทั้งที่ต้นทุนจากจุดเริ่มต้นถึงปัจจุบันราคาวัตถุดิบมีการปรับเพิ่มขึ้นไปกว่า 50% เฉลิมพลบอกกับเราว่า ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่ามาจากการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้น เพราะมีร้านเปิดขึ้นทั้งเก่าและใหม่อยู่ใกล้เคียงกันมากกว่า 6-7 ร้าน แต่เหตุผลสำคัญคือ เห็นใจลูกค้า เพราะปัจจุบันสินค้าทุกอย่างมีราคาแพงขึ้นมาก และลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นลูกค้าประจำ เคยซื้อราคานี้มาตลอดโดยที่ไม่มีปรับราคา
“ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาก็ยังไม่ได้เดือดร้อนมากนักเพราะอาศัยขายจำนวนมาก แต่พอมาปีนี้ต้องยอมรับว่าลำบากเหมือนกันเพราะราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้นมาก และถ้าราคาก๊าซหุงต้มมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะยังคงขายในราคาเดิมได้หรือไม่ ถ้าถามถึงผลตอบแทนตอนนี้มาจากการขายจำนวนมาก ซึ่งต้องยอมรับว่าในช่วงหลังที่สินค้าทุกอย่างรวมถึงอาหารมีราคาแพงขึ้น ทำให้หลายคนหันมาเลือกซื้อกับข้าวจากร้านเรามากขึ้น จากเดิมร้านเรามีลูกค้าประจำมากอยู่แล้ว พอมาเจอปัญหาผลกระทบจากข้าวของที่ราคาแพง เราก็เลยกลายเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ส่งผลให้ยอดขายในปีนี้ของเราเพิ่มมากขึ้น จากยอดขายต่อวัน 400-500 ถุง เพิ่มเป็น 600-700 ถุงต่อวัน โดยคิดเป็นเงินประมาณ 8,000-9,000 บาทต่อวัน กำไรประมาณ 1,000-1,500 บาท”
สำหรับต้นทุนวัตถุดิบและก๊าซหุงต้มอยู่ที่วันละประมาณ 5,000 บาท ถึง 6,000 บาท โดยกับข้าวที่ทำในแต่ละวันประมาณ 10-15 อย่าง ประกอบด้วย แกง ผัด และยำ ส่วนแกงที่ขายดี ได้แก่ แกงส้ม แกงไตปลา ขนมจีนน้ำเงี้ยว แกงกะทิ แกงเผ็ด และเมนูยอดนิยมร้านนี้ก็ต้องเป็นยำขนุน เมนูอาหารสลับสับเปลี่ยนไปในแต่ละวัน โดยเริ่มขายตั้งแต่ 4 โมงเย็นเป็นต้นไป ขายหมดประมาณ 1 ทุ่ม ใช้เวลาในการขายประมาณ 3 ชั่วโมง แต่ใช้เวลาในจับจ่ายซื้อของ และทำกับข้าวตั้งแต่ตี 4
“โดยลูกค้าเป็นคนในย่านนั้น ซึ่งมีคนทุกระดับ ไม่ได้เฉพาะกลุ่มคนรายได้น้อย แต่คนรวยก็มาซื้อกับข้าวจากร้านเราเช่นกัน เพราะถึงแม้เราจะขายถูก แต่เรื่องคุณภาพ รสชาติ ความสะอาดของร้านเราก็ไม่แพ้ใคร ซึ่งวัดได้จากการขายที่มีมานานกว่า 20 ปี ที่สำคัญลูกค้าสามารถเลือกกับข้าวได้หลายอย่าง เพราะราคาถูก หรือถ้าลูกค้าต้องการปริมาณมากขึ้นก็สั่งเพิ่มเป็น 20 บาท เป็นทางเลือกให้ลูกค้าได้เลือกตามต้องการ”
เฉลิมพลเล่าถึงการบริหารต้นทุนว่า เริ่มจากการเลือกหาซื้อวัตถุดิบในแหล่งขายส่ง ราคาไม่แพง โดยเลือกซื้อของสดจากตลาดรังสิต ส่วนเครื่องปรุงมีแหล่งขายส่งเช่นกัน และเลือกซื้อจำนวนมากก็จะได้ราคาถูก อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันต้องยอมรับว่าแม้จะมีแหล่งซื้อวัตถุดิบในราคาถูกแต่ก็ยังแพงอยู่ดี และในอดีตราคาวัตถุดิบอย่างของสด เช่น ผัก เนื้อสัตว์ ราคาขึ้น-ลงตามฤดูกาล แต่ปัจจุบันเมื่อขึ้นแล้วลงยากมาก ส่วนคนไหนที่จะหันมาใช้กลยุทธ์เช่นเดียวกับเราคงจะต้องมีใจรัก เพราะเป็นการทำงานที่เหนื่อยมาก
ไปหน้าแรก อาชีพอิสระทำเงิน