วันนี้เรามีอาีชีพเสริมง่าย ๆ กับการทำข้าวเกรียบปากหม้อ สาคูไส้หมู ฟังดูแล้วมันก็เป็นอาชีพธรรมดาที่พบเห็นกันได้ทั่วไป แต่ว่า ถ้าคุณมีฝีมือดี ขนมแป้งไม่หนาไม่บางเกินไป ไส้กลมกล่อม ราคาพอรับไหว ไม่แน่นะ กล้ามแขนคุณอาจจะโตขึ้นเพราะว่าต้องละเลงแป้งและปั้นแป้งตลอดเวลา เหมือนกับเจ้าขนมเจ้าหนึ่งแถวบ้านผู้เขียนที่เค้าจะปิดร้านก่อนร้านอื่น เพราะว่าของหมด แถมเวลาสั่งแล้วห้ามใจร้อน เพราะว่ามีอีกหลายคิวอีกต่างหาก ถือว่าคัดคนที่อยากกินจริงๆ
ดังนั้น เราจึงจึงได้นำสูตรการทำข้าวเกรียบปากหม้อและสาคูไส้หมูมาฝากกัน เพราะว่าขนม 2 อย่างนี้สามารถทำไปพร้อมๆ กันได้
งบประมาณเงินลงทุน
ลงทุนประมาณ 3,000 บาท (เฉพาะอุปกรณ์ คือ หม้อดินหรือหม้ออะลูมิเนียขนาดกลาง เตาถ่าน ไม้พายเล็กๆ ถาด ถุงพลาสติก (ร้อน) กล่องโฟม ไม้จิ้ม)
ข้าวเกรียบปากหม้อ
มีสองส่วนคือ ตัวแป้งและไส้แป้ง
ตัวแป้ง ส่วนผสมคือ
1. แป้งมันสำปะหลัง 1 กิโลกรัม
2. แป้งข้าวเจ้า 1 กิโลกรัม
3. น้ำ 4 กิโลกรัม
วิธีทำ
นำแป้งข้าวเจ้า แป้งมันสำปะหลัง และน้ำมาผสมกัน
ไส้แป้ง ส่วนผสมคือ
1. หัวผักกาดหวาน 1 กิโลกรัม
2. น้ำตาลปี๊บ 1 กิโลกรัม
3. ถั่วลิสง 0.5 กิโลกรัม
4. หอมแดงหั่นละเอียด 1 กิโลกรัม
5. รากผักชีโขลกละเอียด 10 ราก
6. น้ำมันพืช 0.5 กิโลกรัม
7. เกลือ 0.5 ช้อนชา
วิธีทำไส้แป้ง
1. ล้างหัวผักกาดหวานให้สะอาดแล้วสับให้ละเอียด
2. คั่วถั่วลิสงเอาเปลือกออก แล้วตำไม่ต้องละเอียดนัก
3. ใส่น้ำมันลงกระทะ นำหอมแดงและรากผักชีมาผัดให้เหลือง
4. ใส่หัวผักกาดหวานสับ น้ำตาลปี๊บ เคี่ยวประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วใส่เกลือเล็กน้อย คลุกให้ทั่ว
5. นำถั่วลิสงที่ตำมาคลุกับไส้ที่ผัดไว้ให้ทั่ว จะได้ไส้ที่มีความเหนียวพอดีๆ ตักใส่ชาม พักไว้
ข้าวเกรียบปากหม้อ
วิธีทำ
1. เอาน้ำใส่หม้อดินหรือหม้ออะลูมิเนียมประมาณ 3/4 หม้อ แล้วใช้ผ้าขาวบางขึงปากหม้อให้ตึง มัดด้วยเชือกรอบคอหม้อให้แน่นหนา แต่ต้องเหลือปากหม้อไว้เล็กน้อยเพื่อให้ไอน้ำออกได้
แล้วยกหม้อขึ้นตั้งไฟ ผิดฝา พอน้ำเดือดจึงเปิดฝาออก ตักแป้ง 1 ช้อน ต่อ 1 วง ละเลงเป็นวงกลมบนผ้า ให้ทั่ว แล้วปิดฝา
2.เมื่อแป้งสุก เปิดฝาออกตักไส้หยอด อย่าให้มากเกินไปจนไม่เช่นนั้นเวลาพับแป้งจะไม่สวย ไส้ทะลักออกมา
3. ใช้ไม้พายเล็กๆ ชุบน้ำ แซะแผ่นแป้งจากด้านล่าง พับเป็นสี่เหลี่ยมห่อไส้ให้สวยงาม ตักใส่ถาด พรมด้วยน้ำมันกระเทียมเจียวเพื่อไม่ให้ขนมติดกัน
4. เวลาตักขายก็ใส่กล่องโฟมที่รองด้วยใบตอง แล้วแถมเครื่องเคียง คือ ผักกาดหอม ผักชี พริกสด กระเทียมเจียว และที่สูตรเด็ดคือ หัวกะทิข้นๆ สัก5 ช้อนโต๊ะใส่ถุงเล็กๆ มัดปิดปากไปให้ด้วย เพราะผู้เขียนเคยชิมทั้งชนิดที่มีกะทิให้และไม่มีกะทิให้ รสชาติขนมที่มีกะทิราดจะครบรสจริงๆ ทั้งหวานเค็มมันเผ็ด อร่อยสุด ๆ
และยังมีขนมที่อีกแบบที่ทำคู่กันไปได้ แบบแบ่งพื้นที่ครึ่งๆ ของผ้าขาวบ้าง นั่นคือ สาคูไส้หมู (ชื่อบอกว่าไส้หมู แต่สังเกตเวลาเค้าขาย ก็ไม่ได้แยกไส้กันนะคะ ก็ใช้ใส่แบบเดียวกันกับข้าวเกรียบปากหม้อ สงสัยเป็นไส้หมูเจล่ะมั้ง)
เรามาดูส่วนผสมและขั้นตอนการทำกัน
ส่วนผสมของสาคูไส้หมู
1. สาคูเม็ดเล็ก 1 ถ้วยตวง
2. น้ำร้อน 1/2 ถ้วยตวง
ขั้นตอนการทำ
1. นำสาคูมานวดกับน้ำร้อนจนแป้งสุกกึ่งๆ ปั้นเป็นก้อนกลมๆ ได้ กดให้แบน แล้วนำไส้ใส่ตรงกลาง ดึงแป้งสาคูปิดให้มิดชิด ปั้นเป็นก้อนกลม เรียงบนปากหม้อ ปิดฝา พอสุกตักใส่ถาด พรมด้วยน้ำมันกระเทียมเจียว พร้อมตักขาย
2. เวลาขายก็ตักใส่กล่องโฟมที่รองด้วยใบตอง แล้วแถมเครื่องเคียง คือ ผักกาดหอม ผักชี พริกสด กระเทียมเจียวโรยหน้า
ถ้าบางคนคิดว่า พื้นที่ผ้าขาวบางมันไม่พอที่จะทำขนมทั้งสองอย่าง ก็สามารถแยกสาคูมานึ่งต่างหากในลังถึงได้ แต่ต้องรองด้วยใบตองที่เช็ดให้สะอาดเสียก่อน ปริมาณขนมที่ได้ก็จะเยอะขึ้น ทันกับลูกค้าที่มารอต่อคิว
ราคาขาย 25-30 บาทต่อชุด
แต่อย่างไรก็ตามคนที่คิดจะค้าขายต้องมีความอดทน ขยัน พากเพียร ดังสุภาษิตคนค้าขายที่ผู้เขียนขอฝากไว้ "อย่านอนตื่นสาย อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา" เพราะหากเราขยัน ก็ไม่มีคำว่าจนแน่นอน
ไปหน้าแรก อาชีพเสริมรายได้ดี
ดังนั้น เราจึงจึงได้นำสูตรการทำข้าวเกรียบปากหม้อและสาคูไส้หมูมาฝากกัน เพราะว่าขนม 2 อย่างนี้สามารถทำไปพร้อมๆ กันได้
งบประมาณเงินลงทุน
ลงทุนประมาณ 3,000 บาท (เฉพาะอุปกรณ์ คือ หม้อดินหรือหม้ออะลูมิเนียขนาดกลาง เตาถ่าน ไม้พายเล็กๆ ถาด ถุงพลาสติก (ร้อน) กล่องโฟม ไม้จิ้ม)
ข้าวเกรียบปากหม้อ
มีสองส่วนคือ ตัวแป้งและไส้แป้ง
ตัวแป้ง ส่วนผสมคือ
1. แป้งมันสำปะหลัง 1 กิโลกรัม
2. แป้งข้าวเจ้า 1 กิโลกรัม
3. น้ำ 4 กิโลกรัม
วิธีทำ
นำแป้งข้าวเจ้า แป้งมันสำปะหลัง และน้ำมาผสมกัน
ไส้แป้ง ส่วนผสมคือ
1. หัวผักกาดหวาน 1 กิโลกรัม
2. น้ำตาลปี๊บ 1 กิโลกรัม
3. ถั่วลิสง 0.5 กิโลกรัม
4. หอมแดงหั่นละเอียด 1 กิโลกรัม
5. รากผักชีโขลกละเอียด 10 ราก
6. น้ำมันพืช 0.5 กิโลกรัม
7. เกลือ 0.5 ช้อนชา
วิธีทำไส้แป้ง
1. ล้างหัวผักกาดหวานให้สะอาดแล้วสับให้ละเอียด
2. คั่วถั่วลิสงเอาเปลือกออก แล้วตำไม่ต้องละเอียดนัก
3. ใส่น้ำมันลงกระทะ นำหอมแดงและรากผักชีมาผัดให้เหลือง
4. ใส่หัวผักกาดหวานสับ น้ำตาลปี๊บ เคี่ยวประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วใส่เกลือเล็กน้อย คลุกให้ทั่ว
5. นำถั่วลิสงที่ตำมาคลุกับไส้ที่ผัดไว้ให้ทั่ว จะได้ไส้ที่มีความเหนียวพอดีๆ ตักใส่ชาม พักไว้
ข้าวเกรียบปากหม้อ
วิธีทำ
1. เอาน้ำใส่หม้อดินหรือหม้ออะลูมิเนียมประมาณ 3/4 หม้อ แล้วใช้ผ้าขาวบางขึงปากหม้อให้ตึง มัดด้วยเชือกรอบคอหม้อให้แน่นหนา แต่ต้องเหลือปากหม้อไว้เล็กน้อยเพื่อให้ไอน้ำออกได้
แล้วยกหม้อขึ้นตั้งไฟ ผิดฝา พอน้ำเดือดจึงเปิดฝาออก ตักแป้ง 1 ช้อน ต่อ 1 วง ละเลงเป็นวงกลมบนผ้า ให้ทั่ว แล้วปิดฝา
2.เมื่อแป้งสุก เปิดฝาออกตักไส้หยอด อย่าให้มากเกินไปจนไม่เช่นนั้นเวลาพับแป้งจะไม่สวย ไส้ทะลักออกมา
3. ใช้ไม้พายเล็กๆ ชุบน้ำ แซะแผ่นแป้งจากด้านล่าง พับเป็นสี่เหลี่ยมห่อไส้ให้สวยงาม ตักใส่ถาด พรมด้วยน้ำมันกระเทียมเจียวเพื่อไม่ให้ขนมติดกัน
4. เวลาตักขายก็ใส่กล่องโฟมที่รองด้วยใบตอง แล้วแถมเครื่องเคียง คือ ผักกาดหอม ผักชี พริกสด กระเทียมเจียว และที่สูตรเด็ดคือ หัวกะทิข้นๆ สัก5 ช้อนโต๊ะใส่ถุงเล็กๆ มัดปิดปากไปให้ด้วย เพราะผู้เขียนเคยชิมทั้งชนิดที่มีกะทิให้และไม่มีกะทิให้ รสชาติขนมที่มีกะทิราดจะครบรสจริงๆ ทั้งหวานเค็มมันเผ็ด อร่อยสุด ๆ
และยังมีขนมที่อีกแบบที่ทำคู่กันไปได้ แบบแบ่งพื้นที่ครึ่งๆ ของผ้าขาวบ้าง นั่นคือ สาคูไส้หมู (ชื่อบอกว่าไส้หมู แต่สังเกตเวลาเค้าขาย ก็ไม่ได้แยกไส้กันนะคะ ก็ใช้ใส่แบบเดียวกันกับข้าวเกรียบปากหม้อ สงสัยเป็นไส้หมูเจล่ะมั้ง)
เรามาดูส่วนผสมและขั้นตอนการทำกัน
ส่วนผสมของสาคูไส้หมู
1. สาคูเม็ดเล็ก 1 ถ้วยตวง
2. น้ำร้อน 1/2 ถ้วยตวง
ขั้นตอนการทำ
1. นำสาคูมานวดกับน้ำร้อนจนแป้งสุกกึ่งๆ ปั้นเป็นก้อนกลมๆ ได้ กดให้แบน แล้วนำไส้ใส่ตรงกลาง ดึงแป้งสาคูปิดให้มิดชิด ปั้นเป็นก้อนกลม เรียงบนปากหม้อ ปิดฝา พอสุกตักใส่ถาด พรมด้วยน้ำมันกระเทียมเจียว พร้อมตักขาย
2. เวลาขายก็ตักใส่กล่องโฟมที่รองด้วยใบตอง แล้วแถมเครื่องเคียง คือ ผักกาดหอม ผักชี พริกสด กระเทียมเจียวโรยหน้า
ถ้าบางคนคิดว่า พื้นที่ผ้าขาวบางมันไม่พอที่จะทำขนมทั้งสองอย่าง ก็สามารถแยกสาคูมานึ่งต่างหากในลังถึงได้ แต่ต้องรองด้วยใบตองที่เช็ดให้สะอาดเสียก่อน ปริมาณขนมที่ได้ก็จะเยอะขึ้น ทันกับลูกค้าที่มารอต่อคิว
ราคาขาย 25-30 บาทต่อชุด
แต่อย่างไรก็ตามคนที่คิดจะค้าขายต้องมีความอดทน ขยัน พากเพียร ดังสุภาษิตคนค้าขายที่ผู้เขียนขอฝากไว้ "อย่านอนตื่นสาย อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา" เพราะหากเราขยัน ก็ไม่มีคำว่าจนแน่นอน
ไปหน้าแรก อาชีพเสริมรายได้ดี