วันนี้มีข้อมูลอาชีพดี ๆ ที่อาจจะไม่ใหม่ แต่ก็ยังทำการค้าขายไปได้ด้วยดีตลอดมา อย่างเช่นร้าน“ขนมจีนบุฟเฟ่ต์” ที่แม้จะมีให้เห็นกันมานาน แต่ก็ยังเป็นอาชีพที่ช่วยให้มีรายได้มาโดยตลอด
“เอกยศ เก้าเอี้ยน” ครอบครัวทำธุรกิจขนมจีนอยู่ก่อน โดยขายทั้งปลีกและส่ง ต่อมาเขามองว่าสามารถนำมาขยายและเปลี่ยนรูปแบบให้บริการขนมจีนแบบบุฟเฟ่ต์ได้ เพราะวัตถุดิบก็มีอยู่แล้ว และไม่ต้องลงทุนเพิ่ม จึงตัดสินใจเปิดร้านขนมจีนบุฟเฟ่ต์ในชื่อ "มีน้ำยา" ในซอยลาดพร้าว 71 เปิดมาราว 3 เดือนแล้ว
ที่เลือกทำเลจุดนี้ เอกยศบอกว่า เนื่องจากเป็นพื้นที่โซนออฟฟิศ มีห้างร้านและสำนักงาน อยู่มาก เนื่องจากการให้บริการร้านอาหารแบบบุฟเฟ่ต์นี้ จุดสำคัญคือควรเป็นพื้นที่ที่มีคนสัญจรไปมาอยู่ตลอด โดยที่ร้านจะเปิดขาย 08.00-15.30 น. ซึ่งในแต่ละวันจะมีลูกค้าเฉลี่ยประมาณ 80-100 คน โดยลูกค้าจะแน่นมากที่สุดก็คือช่วยพักกลางวัน คือตั้งแต่ 11.00-13.00 น. ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์จะเป็นลูกค้ากลุ่มครอบครัว
สาเหตุที่มีลูกค้ามานั่งรับประทานเป็นจำนวนมาก เพราะราคาของบุฟเฟ่ต์ ที่ต่อคนคือ 35 บาท ตักได้ไม่อั้น กินจนอิ่ม ของมีเติมตลอด โดยเมนูของทางร้านจะมีอยู่ 5 ชนิดคือ น้ำยาแกงเขียวหวาน, น้ำยาป่า, น้ำยากะทิ, แกงไตปลา และน้ำพริก
และยังมีเมนูอาหารอื่นเสริมสลับเปลี่ยนหมุนเวียนตลอด เช่น ข้าวผัด, ผัดหมี่, น้ำพริกกะปิ เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกในการรับประทานมากขึ้น และร้านขนมจีนบุฟเฟ่ต์ก็ควรจะมีเมนูเสริม อาทิ ของหวาน, เครื่องดื่ม ไว้จำหน่ายเสริม โดยที่ร้านนี้จะมีเฉาก๊วยน้ำแข็งให้บริการในราคาถ้วยละ 10 บาท
“จุดสำคัญของธุรกิจแบบนี้คือ ต้องพยายามคัดของให้สดใหม่เสมอ เพราะลูกค้าอาจจะเดินเข้า มาทานซ้ำกันในวันถัดไป นอกจากนี้ยังต้องมีพนักงานคอยตรวจดูปริมาณอาหารที่พร่องตลอด หากพร่องไปเกินครึ่งก็จะต้องนำอาหารออกมาเสิร์ฟ-มาเติมใหม่ทันที” พี่เอกยศกล่าว
ทุนเบื้องต้นอาชีพนี้ ไม่รวมสถานที่ อยู่ที่ประมาณ 30,000 บาท ทุนหมุนเวียนอยู่ที่ประมาณ 2,000 บาทต่อวัน รายได้อยู่ที่ราคาขายหัวละ 35 บาท และมีรายได้เสริมจากเครื่องดื่มและของหวาน
การเตรียมการขาย
ต้องเตรียมขนมจีน เมนูเสริมอย่างอื่นของร้านก็เตรียมไว้อย่างละหม้อหรือถาด ที่สำคัญต้องเตรียมผักสด-ผักต้มที่ทานกับขนมจีนด้วย ได้แก่ หัวปลีซอย, ถั่วงอกต้ม, ผักบุ้งหั่นต้ม, กะหล่ำปลีซอย, แตงกวาหั่นบาง, ใบแมงลัก, ถั่วฝักยาวหั่น, ถั่วงอกสด, ผักกาดดองหั่น จัดวางไว้เป็นถาดเพื่อให้ลูกค้าเลือกรับประทานตามใจชอบ ทั้งนี้ อีกหลักสำคัญคือ ของที่จัดไว้ต้องดูสวยงาม และใหม่สดสะอาดเสมอ นอกจากนี้ก็ควรมี โถพริกน้ำปลา, โถน้ำตาล, โถพริกป่น, โถพริกขี้หนูแห้งทอด วางไว้ด้วย
สำหรับสูตรน้ำยา มาดูสูตร “น้ำยากะทิ” สัก 1 สูตร วัตถุดิบก็มีดังนี้
- เนื้อปลาทู 1 กิโลกรัม
- กะทิคั้นสด 3 กิโลกรัม
- พริกไทยดำป่น 2 ช้อนโต๊ะ
- หอมแดง 10 หัว
- กระเทียม 1 ขีด
- กระชาย 2 หัว
- ตะไคร้ 5 ต้น
- ขมิ้น 1 เหง้า
- กะปิ 1 ถ้วยตวง
- เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกสด 2 ขีด
วิธีทำ
ขั้นตอนแรกนำปลาทูสดที่เตรียมไว้มาต้มกับพริกและเครื่องสมุนไพร เพื่อดับกลิ่นคาวและเพิ่มความหอมในเนื้อปลาทู จากนั้นทำการแกะเนื้อปลาทู พักไว้ นำส่วนผสมเครื่องแกงทำน้ำยามาปั่นให้ละเอียด จากนั้นนำเนื้อปลาและส่วนผสมไปต้มในน้ำเดือด ใส่กะทิคั้น กะปิ และเติมเกลือเล็กน้อย หรือปรุงรสตามต้องการ ชิมรสตามชอบ พอเดือดก็ยกลง เป็นอันเสร็จ พร้อมใช้ในการขาย โดยเอกยศแนะนำว่า การทานขนมจีนให้อร่อยนั้น ต้องอุ่นน้ำยาให้ร้อนตลอดเวลา เพื่อให้มีกลิ่นหอม
แม้ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์จะใช้ราคาถูกเพื่อดึงดูดลูกค้า แต่เรื่องฝีมือการปรุงอาหาร และการบริการ ยังมีความสำคัญมากเช่นกัน ต้องควบคุมให้คุณภาพ-รสชาติดีคงที่ เพราะหากทำไม่อร่อย แม้ราคาจะถูกแค่ไหน ก็คงไม่มีใครเข้าร้านมากจนพอ มีกำไรจากการขายแบบบุปเฟ่ต์อย่าง แน่นอน
“หัวใจของร้านอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ นอกจากเรื่องปริมาณ และรสชาติแล้ว ด้านการบริการก็ยังเป็นส่วนสำคัญ รวมถึงเรื่องความสะอาด ทำเล เพราะเหล่านี้จะส่งผลถึงการประสบความสำเร็จ”
เป็นไงบ้างครับ ร้าน “ขนมจีนบุฟเฟ่ต์” กับการบริการที่หลากหลายชวนให้ลูกค้าแวะเวียนเข้ามากันบ่อย ๆ มีรายได้กันเรื่อย ๆ หากท่านใดสนใจ ร้านขนมจีนบุฟเฟ่ต์ มีน้ำยา ของคุณพี่เอกยศ อยู่ในซอยลาดพร้าว 71 ติดต่อได้ที่ : โทร. 087 -007 -0006 | 080 -667 -7008
ที่มา เดลินิวส์
ไปหน้าแรก อาชีพเสริมแก้จน