ธุรกิจ SMEs: เคยมีคำว่ากล่าวที่ว่า 'ธรรมชาติเป็นจุดกำเนิดของสรรพสิ่ง' ซึ่งคงจะจริง เพราะไม่เพียงแต่ก่อเกิดสิ่งมีชีวิตแล้ว ยังเป็นแรงบันดาลให้หลายคนเกิดไอเดียธุรกิจ ที่นำความงดงามจากธรรมชาติมารังสรรค์ผลงาน หนึ่งในนั้นคือเด็กสาวรุ่นใหม่ไฟแรงที่รักในธรรมชาติ โดยสื่อเรื่องราวลงบนผ้าพันคอ “ลาบีลินธ์” ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกถึงแก่นจิตใจลูกค้า
ศศิวรรณ ศิริโรจน์ หรือน้องหมิว เด็กรุ่นใหม่ไฟแรง รักงานศิลปะ และธรรมชาติ กลั่นออกมาเป็นธุรกิจผ้าพันคอ สีสันสดใส จากฝีมือการออกแบบของเธอ ภายใต้แบรนด์ “ลาบีลินธ์” (Labyrinth) เผยที่มาธุรกิจนี้ว่า ตนเองและน้องชายชื่นชอบงานศิลปะมาตั้งแต่เด็ก มักจะหยิบโน่นผสมนี่ เป็นของขวัญกระจุกกระจิก หรือเห็นของธรรมดาก็นำมาแต่งแต้มงานศิลปะลงไป เมื่อเรียนจบก็คลุกคลีในแวดวงศิลปะ เช่น งานฟรีแลนซ์ที่แกลลอรี่ รับหน้าที่เลือกผลงานศิลปะของศิลปินต่างๆ มาจัดแสดง และเป็นเจ้าหน้าที่แปลเอกสารให้รัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งของประเทศเกาหลี
แต่ไม่ว่าน้องหมิวจะทำงานอะไร เมื่อมีเวลาว่างก็จะทุ่มเทให้กับงานศิลปะ รวมถึงการทำขวดโหลประดิษฐ์ ที่ส่วนใหญ่ผู้คนมักจะนำดอกไม้มาตกแต่ง แต่น้องหมิวกลับมองว่าธรรมดาเกินไป จึงลองนำผ้าพันคอ ที่มีลวดลายและสีสันสดใส มาผูก ก็ดูแปลกตาไปอีกแบบ รวมถึงพบว่าผ้าพันคอลายสวยเหล่านี้สามารถนำมาต่อยอดนำไปประดับตกแต่งได้ มีมากมายไม่จำกัดอยู่ที่ร่างกายคนเท่านั้น
จากจุดนี้เองทำให้น้องหมิวเกิดไอเดียทำผ้าพันคอขาย โดยออกแบบลวดลายเอง เพราะโดยส่วนตัวชื่นชอบงานศิลปะอยู่แล้ว เคยวาดรูปกับน้องชายขายมีรายได้เล็กๆ ให้ชีวิตวัยเด็กมีสีสัน กลับมาในส่วนของการเริ่มต้นธุรกิจผ้าพันคอ ถือว่าไม่ง่ายเลยสำหรับเด็กจบใหม่ ทุกอย่างเริ่มจากศูนย์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบลวดลาย ขั้นตอนการพิมพ์จะทำอย่างไร เลือกซื้อผ้า และมีโรงงานใดบ้างที่สามารถผลิตผ้าพันคอตามลวดลายที่ตนเองออกแบบได้ สุดท้ายได้ความช่วยเหลือเพื่อน โดยแนะนำแหล่งผลิตให้ สุดท้ายก่อเกิดเป็นผ้าพันคอผืนแรกที่น้องหมิวตั้งชื่อว่า “Breath” หรือลมหายใจ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากถิ่นฐานบ้านเกิด จ.ชุมพร เป็นภาพทะเล การดำน้ำ ซึ่งน้องหมิวเชื่อว่าเป็นลมหายใจของทุกคนเมื่ออยู่ใกล้ชิดธรรมชาติจะสูดลมหายใจได้เต็มปอด
“ลาบีลินธ์ “ (Labyrinth) แบรนด์สินค้าแรกที่เด็กจบใหม่ภาคภูมิใจ เพราะสามารถผลิตผ้าพพันคอผืนแรก ที่ดูแลเอาใจใส่ทุกขั้นตอนการผลิต ต่อมาก็ส่งผ้าพันคอเนื้อนุ่มออกสู่ตลาดอย่างเนื่อง จากการเลือกใช้ชีฟองผ้าไหม กับชีฟองใยธรรมชาติ 100% ซึ่งมีความมันวาว เนื้อนุ่มน่าสัมผัส และไม่บางจนเกินไป กับขนาด 100x100 เซนติเมตร และ 75x175 เซนติเมตร โดยราคาเริ่มต้นที่ 1,480-1,890 บาท
ระยะเวลาเพียง 1 ปี ที่ผ้าพันคอลาบีลินธ์โลดแล่นในตลาด แต่มีสินค้าถึง 24 แบบ ซึ่งบางแบบขายหมดจะไม่ผลิตเพิ่ม แต่จะคิดลวดลายใหม่แทน รวมถึงนำผลงานของศิลปินที่รู้จักมาพิมพ์ลงผ้าพันคอด้วย เพื่อไม่ให้ลูกค้าเกิดความเบื่อหน่าย ขณะเดียวกันยังช่วยเพิ่มยอดขายทางอ้อมจากลูกค้าที่ติดตามผลงานทุกคอลลเลคชั่นอีกด้วย
“แม้ที่ผ่านมาจะมีผู้ผลิตผ้าพันคอลักษณะคล้ายๆ อยู่หลายราย แต่จุดเด่นของลาบีลินธ์ อยู่ที่ลวดลายที่ถ่ายทอดออกมาเป็นเรื่องราว มีความรู้สึก และมีชีวิตชีวา เมื่อคนที่ซื้อไปเห็นลายจะมีอารมณ์ร่วม อย่างล่าสุด นำสุนัขพันธุ์เฟรนบลูด็อก เป็นต้นแบบในการวาดรูปและนำไปพิมพ์ลงบนผ้าพันคอเอาใจลูกค้ารักน้องหมาโดยเฉพาะ ซึ่งต่อไปจะออกแบบเป็นนก ทะเล หรือสัตว์อื่นๆ ควบคู่กันไป เพราะคิดว่าเป็นลวดลายที่ลูกค้าเข้าใจง่ายและชื่นชอบ”
ปัจจุบันผ้าพันคอลาบีลินธ์มีจำหน่ายที่ร้าน WORKSHOP และเว็บไซต์ www.Porita.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์รวบรวมสินค้าของดีไซเนอร์หน้าใหม่ของไทย ซึ่งตรงกับวัตถุประสงค์ของน้องหมิว ที่ดำเนินธุรกิจนี้เพื่อต้องการเสนอสินค้าของคนไทย ผลิตในไทย หรือ เมดอินไทยแลนด์ นั่นเอง โดยนำเสนอสินค้าผ่านภาพถ่าย ฝีมือน้องชายที่กำลังศึกษาด้านถ่ายภาพ ประเทศออสเตรเลีย โดยขอแรงเพื่อนๆ เป็นนางแบบให้ หวังสื่อถึงสินค้าไทยที่ไม่ว่าคนชาติใดก็ใช้ได้อย่างไม่ขัดเขิน
เรียกได้ว่าการตอบรับในผ้าพันคอลาบีลินธ์ดีเกินคาด เพราะนอกจากคนไทยที่สนใจแล้ว ยังมีการส่งออกไปต่างประเทศ โดยน้องหมิวจัดส่งฟรีทั่วโลก โดยเฉพาะลูกค้าชาวฮ่องกงให้ความสนใจเป็นอย่างมากในขณะนี้ อนาคตน้องหมิววาดฝันอยากมีร้านเป็นของตัวเองประจำการอยู่ทั่วทุกมุมโลก เน้นเมืองใหญ่ที่มีทะเลเพราะอยากเปิดร้านที่ใกล้ชิดธรรมชาติเหมือนบ้านเกิดของตัวเอง
ศศิวรรณ ศิริโรจน์ หรือน้องหมิว เด็กรุ่นใหม่ไฟแรง รักงานศิลปะ และธรรมชาติ กลั่นออกมาเป็นธุรกิจผ้าพันคอ สีสันสดใส จากฝีมือการออกแบบของเธอ ภายใต้แบรนด์ “ลาบีลินธ์” (Labyrinth) เผยที่มาธุรกิจนี้ว่า ตนเองและน้องชายชื่นชอบงานศิลปะมาตั้งแต่เด็ก มักจะหยิบโน่นผสมนี่ เป็นของขวัญกระจุกกระจิก หรือเห็นของธรรมดาก็นำมาแต่งแต้มงานศิลปะลงไป เมื่อเรียนจบก็คลุกคลีในแวดวงศิลปะ เช่น งานฟรีแลนซ์ที่แกลลอรี่ รับหน้าที่เลือกผลงานศิลปะของศิลปินต่างๆ มาจัดแสดง และเป็นเจ้าหน้าที่แปลเอกสารให้รัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งของประเทศเกาหลี
แต่ไม่ว่าน้องหมิวจะทำงานอะไร เมื่อมีเวลาว่างก็จะทุ่มเทให้กับงานศิลปะ รวมถึงการทำขวดโหลประดิษฐ์ ที่ส่วนใหญ่ผู้คนมักจะนำดอกไม้มาตกแต่ง แต่น้องหมิวกลับมองว่าธรรมดาเกินไป จึงลองนำผ้าพันคอ ที่มีลวดลายและสีสันสดใส มาผูก ก็ดูแปลกตาไปอีกแบบ รวมถึงพบว่าผ้าพันคอลายสวยเหล่านี้สามารถนำมาต่อยอดนำไปประดับตกแต่งได้ มีมากมายไม่จำกัดอยู่ที่ร่างกายคนเท่านั้น
จากจุดนี้เองทำให้น้องหมิวเกิดไอเดียทำผ้าพันคอขาย โดยออกแบบลวดลายเอง เพราะโดยส่วนตัวชื่นชอบงานศิลปะอยู่แล้ว เคยวาดรูปกับน้องชายขายมีรายได้เล็กๆ ให้ชีวิตวัยเด็กมีสีสัน กลับมาในส่วนของการเริ่มต้นธุรกิจผ้าพันคอ ถือว่าไม่ง่ายเลยสำหรับเด็กจบใหม่ ทุกอย่างเริ่มจากศูนย์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบลวดลาย ขั้นตอนการพิมพ์จะทำอย่างไร เลือกซื้อผ้า และมีโรงงานใดบ้างที่สามารถผลิตผ้าพันคอตามลวดลายที่ตนเองออกแบบได้ สุดท้ายได้ความช่วยเหลือเพื่อน โดยแนะนำแหล่งผลิตให้ สุดท้ายก่อเกิดเป็นผ้าพันคอผืนแรกที่น้องหมิวตั้งชื่อว่า “Breath” หรือลมหายใจ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากถิ่นฐานบ้านเกิด จ.ชุมพร เป็นภาพทะเล การดำน้ำ ซึ่งน้องหมิวเชื่อว่าเป็นลมหายใจของทุกคนเมื่ออยู่ใกล้ชิดธรรมชาติจะสูดลมหายใจได้เต็มปอด
“ลาบีลินธ์ “ (Labyrinth) แบรนด์สินค้าแรกที่เด็กจบใหม่ภาคภูมิใจ เพราะสามารถผลิตผ้าพพันคอผืนแรก ที่ดูแลเอาใจใส่ทุกขั้นตอนการผลิต ต่อมาก็ส่งผ้าพันคอเนื้อนุ่มออกสู่ตลาดอย่างเนื่อง จากการเลือกใช้ชีฟองผ้าไหม กับชีฟองใยธรรมชาติ 100% ซึ่งมีความมันวาว เนื้อนุ่มน่าสัมผัส และไม่บางจนเกินไป กับขนาด 100x100 เซนติเมตร และ 75x175 เซนติเมตร โดยราคาเริ่มต้นที่ 1,480-1,890 บาท
ระยะเวลาเพียง 1 ปี ที่ผ้าพันคอลาบีลินธ์โลดแล่นในตลาด แต่มีสินค้าถึง 24 แบบ ซึ่งบางแบบขายหมดจะไม่ผลิตเพิ่ม แต่จะคิดลวดลายใหม่แทน รวมถึงนำผลงานของศิลปินที่รู้จักมาพิมพ์ลงผ้าพันคอด้วย เพื่อไม่ให้ลูกค้าเกิดความเบื่อหน่าย ขณะเดียวกันยังช่วยเพิ่มยอดขายทางอ้อมจากลูกค้าที่ติดตามผลงานทุกคอลลเลคชั่นอีกด้วย
“แม้ที่ผ่านมาจะมีผู้ผลิตผ้าพันคอลักษณะคล้ายๆ อยู่หลายราย แต่จุดเด่นของลาบีลินธ์ อยู่ที่ลวดลายที่ถ่ายทอดออกมาเป็นเรื่องราว มีความรู้สึก และมีชีวิตชีวา เมื่อคนที่ซื้อไปเห็นลายจะมีอารมณ์ร่วม อย่างล่าสุด นำสุนัขพันธุ์เฟรนบลูด็อก เป็นต้นแบบในการวาดรูปและนำไปพิมพ์ลงบนผ้าพันคอเอาใจลูกค้ารักน้องหมาโดยเฉพาะ ซึ่งต่อไปจะออกแบบเป็นนก ทะเล หรือสัตว์อื่นๆ ควบคู่กันไป เพราะคิดว่าเป็นลวดลายที่ลูกค้าเข้าใจง่ายและชื่นชอบ”
ปัจจุบันผ้าพันคอลาบีลินธ์มีจำหน่ายที่ร้าน WORKSHOP และเว็บไซต์ www.Porita.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์รวบรวมสินค้าของดีไซเนอร์หน้าใหม่ของไทย ซึ่งตรงกับวัตถุประสงค์ของน้องหมิว ที่ดำเนินธุรกิจนี้เพื่อต้องการเสนอสินค้าของคนไทย ผลิตในไทย หรือ เมดอินไทยแลนด์ นั่นเอง โดยนำเสนอสินค้าผ่านภาพถ่าย ฝีมือน้องชายที่กำลังศึกษาด้านถ่ายภาพ ประเทศออสเตรเลีย โดยขอแรงเพื่อนๆ เป็นนางแบบให้ หวังสื่อถึงสินค้าไทยที่ไม่ว่าคนชาติใดก็ใช้ได้อย่างไม่ขัดเขิน
เรียกได้ว่าการตอบรับในผ้าพันคอลาบีลินธ์ดีเกินคาด เพราะนอกจากคนไทยที่สนใจแล้ว ยังมีการส่งออกไปต่างประเทศ โดยน้องหมิวจัดส่งฟรีทั่วโลก โดยเฉพาะลูกค้าชาวฮ่องกงให้ความสนใจเป็นอย่างมากในขณะนี้ อนาคตน้องหมิววาดฝันอยากมีร้านเป็นของตัวเองประจำการอยู่ทั่วทุกมุมโลก เน้นเมืองใหญ่ที่มีทะเลเพราะอยากเปิดร้านที่ใกล้ชิดธรรมชาติเหมือนบ้านเกิดของตัวเอง