ร้านกาแฟ “เพลินวาน” เป็นผลผลิตที่เกิดขึ้นจากการต่อยอดความสำเร็จของ “เพลินวาน” แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตประจำ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ด้วยการเปิดหาพันธมิตรร่วมธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ โดยคงเอกลักษณ์ตกแต่งบรรยากาศย้อนยุคเช่นเดิม มีเมนูหลากหลายรองรับลูกค้าคนรุ่นใหม่ ภายใต้สโลแกน “นางสาวเพลินวาน เดินทางเข้ากรุงเทพฯ”
แหล่งท่องเที่ยว “เพลินวาน” ปัจจุบันอายุครบ 2 ปีแล้ว ภายในตกแต่งเป็นบรรยากาศย้อนยุคไปเมื่อ 30-40 ปีที่แล้ว อีกทั้ง รวบรวมร้านอาหารและเครื่องดื่มโบราณไว้บริการหลากหลาย โดยเฉพาะร้านกาแฟ “เพลินวาน” นับว่าได้รับความนิยมติดอันดับต้นๆ จากทั้งรสชาติและรูปแบบ จนเป็นที่มาของการหยิบมาต่อยอดขายแฟรนไชส์
สายสิริ ศิวะสกุล ผู้จัดการแฟรนไชส์ เล่าแนวคิดการขยายแฟรนไชส์ เกิดจากที่ผ่านมามีผู้สนใจติดต่อขอซื้อธุรกิจร้านกาแฟจำนวนมาก ประกอบกับ “คุณภัทรา สหวัฒน์” เจ้าของ “เพลินวาน” อยากนำแบรนด์ ซึ่งมีเอกลักษณ์จำลองบรรยากาศย้อนยุคมาให้ชาวกรุงเทพฯ ได้สัมผัสใกล้ชิดยิ่งขึ้น นอกเหนือจากที่ต้องเดินทางไปเที่ยวหัวหินเท่านั้น โดยอาศัยร้านกาแฟโบราณเป็นสื่อเชื่อมธุรกิจ จากที่เคยอยู่เฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวจุดเดียว สู่การกระจายสาขาตามแหล่งชุมชนต่างๆ ในเมือง
ร้านกาแฟเพลินวาน มีคำขวัญว่า “นางสาวเพลินวาน เดินทางเข้ากรุงเทพฯ” หมายถึง การนำเสน่ห์แห่งเพลินวาน ที่ อ.หัวหิน มาให้ลูกค้าชาวกรุงฯได้สัมผัส ไม่ว่าจะเป็นตกแต่งร้านบรรยากาศสไตล์ย้อนยุค โดยสิ่งของต่างๆ มีทั้งเป็นของเก่าแท้ๆ และของใหม่ทำเลียนแบบ ขณะที่เครื่องดื่มต่างๆ ปรับรสชาติให้เหมาะกับคนรุ่นใหม่ โดยเป็นสูตรที่คิดพัฒนาขึ้นเอง มีทั้งแบบกาแฟโบราณ และกาแฟสดต่างประเทศ เช่นเดียวกับวิธีการชง มีให้เลือกทั้งแบบโบราณชงในถุง หรือชงด้วยเครื่องทันสมัย
นอกจากนั้น ยังมีเมนูผสมผสานระหว่างยุคเก่าและยุคใหม่เข้าไว้ด้วยกัน เช่น ไข่กระทะใส่ชีส น้ำผลไม้ผสมโซดา และขนมต่างๆ ไว้คอยบริการ ตลอดจนในร้านยังสินค้าที่ระลึกขายจำนวนมาก เช่น ตุ๊กตา เสื้อยืด อมยิ้ม ฯลฯ ช่วยเสริมรายได้ และโฆษณาแบรนด์ไปพร้อมกัน
สำหรับการลงทุนแฟรนไชส์ สายสิริ เผยว่า ต้องเปิดในลักษณะร้านเท่านั้น เนื้อที่ 60-100 ตารางเมตร สามารถรองรับลูกค้าได้ประมาณ 30 ที่นั่ง มูลค่าเงินลงทุนเบื้องต้นอยู่ที่ 1-3 ล้านบาท (ขึ้นอยู่กับขนาดร้าน) แบ่งเป็นค่าลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ 3.5แสนบาท อายุสัญญา 3 ปี ที่เหลือเป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ตกแต่งร้าน ค่าอุปกรณ์ และค่าวัตถุดิบพร้อมเปิดร้าน เป็นต้น
ทั้งนี้ เงื่อนไขสำคัญในการร่วมธุรกิจ ผู้ลงทุนแฟรนไชส์จะต้องรับวัตถุดิบหลักจากส่วนกลางเท่านั้น เช่น เมล็ดกาแฟคั่ว ภาชนะติดแบรนด์เพลินวาน เป็นต้น ขณะที่ส่วนกลางจะสนับสนุนด้านการฝึกอบรมพนักงานโดยเฉพาะคนชงกาแฟ และเตรียมพร้อมก่อนเปิดร้าน ทั้งตกแต่งร้าน และวางระบบต่างๆ รวมถึง ให้คำปรึกษาต่อเนื่องระหว่างเป็นหุ้นส่วนธุรกิจกัน นอกจากนั้น ในภาพใหญ่จะช่วยทำตลาดสร้างแบรนด์กาแฟเพลินวานให้รู้จักแพร่หลาย เช่น ลงโฆษณาบนสื่อสิ่งพิมพ์ เว็บไซต์ และออกงานแสดงสินค้า เป็นต้น
“สำหรับรายละเอียดต่างๆ ในการร่วมเป็นหุ้นส่วนแฟรนไชส์ของแต่ละรายจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมของแต่ละบุคคล เช่น ศักยภาพของทำเลที่ผู้ลงทุนมาเสนอ ความพร้อมด้านเงินลงทุน ทีมงาน เป็นต้น ซึ่งเราจะพิจารณาเป็นกรณีๆ ไป อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญการคัดสรรผู้มาร่วมธุรกิจ ควรจะเป็นผู้ที่มีความชื่นชอบ หรือมีอารมณ์ร่วมในบรรยากาศย้อนยุค ซึ่งจะทำให้พูดคุย และร่วมธุรกิจกันไปได้ด้วยดี” สายสิริ เสริม
ผู้จัดการแฟรนไชส์ เผยด้วยว่า ปัจจุบัน ร้านกาแฟเพลินวาน มีสาขาต้นแบบ คือ ร้านที่เพลินวาน อ.หัวหิน มียอดขายในช่วงสุดสัปดาห์ประมาณหลักแสนบาทต่อวัน และร้านที่ตั้งอยู่ที่ “แมนชั่น7” ถ.รัชดาภิเษก มียอดขายประมาณ 300 แก้วต่อวัน โดยเฉลี่ยราคาเครื่องดื่มจะอยู่ที่ 50-60 บาทต่อแก้ว หลังหักค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้ว เหลือกำไรสุทธิประมาณ 50% จากยอดขาย ซึ่งจากข้อมูลของร้านต้นแบบดังกล่าว ผู้ลงทุนแฟรนไชส์จะคืนเงินลงทุนได้ในเวลาประมาณ 1 ปี
ทั้งนี้ วางลูกค้าเป้าหมาย คือ กลุ่มวัยรุ่นไปจนถึงคนทำงาน และกลุ่มครอบครัวที่เคยไปเที่ยว “เพลินวาน” ที่ อ.หัวหิน แล้วเกิดความประทับใจ จนอยากกลับมาสัมผัสบรรยากาศของเพลินวานอีกครั้ง
สำหรับทำเลเปิดสาขาที่เหมาะนั้น สายสิริ ระบุว่า ควรจะเป็นย่านชุมชน มีคนสัญจรผ่านสม่ำเสมอ ย่านใกล้แหล่งธุรกิจ และสำนักงานต่างๆ โดยปีนี้ (2555) วางแผนขยายสาขา ควบคู่กันไประหว่างเปิดด้วยตัวเอง และปล่อยแฟรนไชส์ เฉลี่ย 1 สาขาต่อเดือน เริ่มตั้งแต่ช่วงกลางปีนี้เป็นต้นไป ซึ่งจากชื่อเสียงของ “เพลินวาน” ที่คนทั่วไปรู้จักดีอยู่แล้ว เชื่อว่า จะสามารถบรรจุเป้าที่วางไว้ได้
แหล่งท่องเที่ยว “เพลินวาน” ปัจจุบันอายุครบ 2 ปีแล้ว ภายในตกแต่งเป็นบรรยากาศย้อนยุคไปเมื่อ 30-40 ปีที่แล้ว อีกทั้ง รวบรวมร้านอาหารและเครื่องดื่มโบราณไว้บริการหลากหลาย โดยเฉพาะร้านกาแฟ “เพลินวาน” นับว่าได้รับความนิยมติดอันดับต้นๆ จากทั้งรสชาติและรูปแบบ จนเป็นที่มาของการหยิบมาต่อยอดขายแฟรนไชส์
สายสิริ ศิวะสกุล ผู้จัดการแฟรนไชส์ เล่าแนวคิดการขยายแฟรนไชส์ เกิดจากที่ผ่านมามีผู้สนใจติดต่อขอซื้อธุรกิจร้านกาแฟจำนวนมาก ประกอบกับ “คุณภัทรา สหวัฒน์” เจ้าของ “เพลินวาน” อยากนำแบรนด์ ซึ่งมีเอกลักษณ์จำลองบรรยากาศย้อนยุคมาให้ชาวกรุงเทพฯ ได้สัมผัสใกล้ชิดยิ่งขึ้น นอกเหนือจากที่ต้องเดินทางไปเที่ยวหัวหินเท่านั้น โดยอาศัยร้านกาแฟโบราณเป็นสื่อเชื่อมธุรกิจ จากที่เคยอยู่เฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวจุดเดียว สู่การกระจายสาขาตามแหล่งชุมชนต่างๆ ในเมือง
ร้านกาแฟเพลินวาน มีคำขวัญว่า “นางสาวเพลินวาน เดินทางเข้ากรุงเทพฯ” หมายถึง การนำเสน่ห์แห่งเพลินวาน ที่ อ.หัวหิน มาให้ลูกค้าชาวกรุงฯได้สัมผัส ไม่ว่าจะเป็นตกแต่งร้านบรรยากาศสไตล์ย้อนยุค โดยสิ่งของต่างๆ มีทั้งเป็นของเก่าแท้ๆ และของใหม่ทำเลียนแบบ ขณะที่เครื่องดื่มต่างๆ ปรับรสชาติให้เหมาะกับคนรุ่นใหม่ โดยเป็นสูตรที่คิดพัฒนาขึ้นเอง มีทั้งแบบกาแฟโบราณ และกาแฟสดต่างประเทศ เช่นเดียวกับวิธีการชง มีให้เลือกทั้งแบบโบราณชงในถุง หรือชงด้วยเครื่องทันสมัย
นอกจากนั้น ยังมีเมนูผสมผสานระหว่างยุคเก่าและยุคใหม่เข้าไว้ด้วยกัน เช่น ไข่กระทะใส่ชีส น้ำผลไม้ผสมโซดา และขนมต่างๆ ไว้คอยบริการ ตลอดจนในร้านยังสินค้าที่ระลึกขายจำนวนมาก เช่น ตุ๊กตา เสื้อยืด อมยิ้ม ฯลฯ ช่วยเสริมรายได้ และโฆษณาแบรนด์ไปพร้อมกัน
สำหรับการลงทุนแฟรนไชส์ สายสิริ เผยว่า ต้องเปิดในลักษณะร้านเท่านั้น เนื้อที่ 60-100 ตารางเมตร สามารถรองรับลูกค้าได้ประมาณ 30 ที่นั่ง มูลค่าเงินลงทุนเบื้องต้นอยู่ที่ 1-3 ล้านบาท (ขึ้นอยู่กับขนาดร้าน) แบ่งเป็นค่าลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ 3.5แสนบาท อายุสัญญา 3 ปี ที่เหลือเป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ตกแต่งร้าน ค่าอุปกรณ์ และค่าวัตถุดิบพร้อมเปิดร้าน เป็นต้น
ทั้งนี้ เงื่อนไขสำคัญในการร่วมธุรกิจ ผู้ลงทุนแฟรนไชส์จะต้องรับวัตถุดิบหลักจากส่วนกลางเท่านั้น เช่น เมล็ดกาแฟคั่ว ภาชนะติดแบรนด์เพลินวาน เป็นต้น ขณะที่ส่วนกลางจะสนับสนุนด้านการฝึกอบรมพนักงานโดยเฉพาะคนชงกาแฟ และเตรียมพร้อมก่อนเปิดร้าน ทั้งตกแต่งร้าน และวางระบบต่างๆ รวมถึง ให้คำปรึกษาต่อเนื่องระหว่างเป็นหุ้นส่วนธุรกิจกัน นอกจากนั้น ในภาพใหญ่จะช่วยทำตลาดสร้างแบรนด์กาแฟเพลินวานให้รู้จักแพร่หลาย เช่น ลงโฆษณาบนสื่อสิ่งพิมพ์ เว็บไซต์ และออกงานแสดงสินค้า เป็นต้น
“สำหรับรายละเอียดต่างๆ ในการร่วมเป็นหุ้นส่วนแฟรนไชส์ของแต่ละรายจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมของแต่ละบุคคล เช่น ศักยภาพของทำเลที่ผู้ลงทุนมาเสนอ ความพร้อมด้านเงินลงทุน ทีมงาน เป็นต้น ซึ่งเราจะพิจารณาเป็นกรณีๆ ไป อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญการคัดสรรผู้มาร่วมธุรกิจ ควรจะเป็นผู้ที่มีความชื่นชอบ หรือมีอารมณ์ร่วมในบรรยากาศย้อนยุค ซึ่งจะทำให้พูดคุย และร่วมธุรกิจกันไปได้ด้วยดี” สายสิริ เสริม
ผู้จัดการแฟรนไชส์ เผยด้วยว่า ปัจจุบัน ร้านกาแฟเพลินวาน มีสาขาต้นแบบ คือ ร้านที่เพลินวาน อ.หัวหิน มียอดขายในช่วงสุดสัปดาห์ประมาณหลักแสนบาทต่อวัน และร้านที่ตั้งอยู่ที่ “แมนชั่น7” ถ.รัชดาภิเษก มียอดขายประมาณ 300 แก้วต่อวัน โดยเฉลี่ยราคาเครื่องดื่มจะอยู่ที่ 50-60 บาทต่อแก้ว หลังหักค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้ว เหลือกำไรสุทธิประมาณ 50% จากยอดขาย ซึ่งจากข้อมูลของร้านต้นแบบดังกล่าว ผู้ลงทุนแฟรนไชส์จะคืนเงินลงทุนได้ในเวลาประมาณ 1 ปี
ทั้งนี้ วางลูกค้าเป้าหมาย คือ กลุ่มวัยรุ่นไปจนถึงคนทำงาน และกลุ่มครอบครัวที่เคยไปเที่ยว “เพลินวาน” ที่ อ.หัวหิน แล้วเกิดความประทับใจ จนอยากกลับมาสัมผัสบรรยากาศของเพลินวานอีกครั้ง
สำหรับทำเลเปิดสาขาที่เหมาะนั้น สายสิริ ระบุว่า ควรจะเป็นย่านชุมชน มีคนสัญจรผ่านสม่ำเสมอ ย่านใกล้แหล่งธุรกิจ และสำนักงานต่างๆ โดยปีนี้ (2555) วางแผนขยายสาขา ควบคู่กันไประหว่างเปิดด้วยตัวเอง และปล่อยแฟรนไชส์ เฉลี่ย 1 สาขาต่อเดือน เริ่มตั้งแต่ช่วงกลางปีนี้เป็นต้นไป ซึ่งจากชื่อเสียงของ “เพลินวาน” ที่คนทั่วไปรู้จักดีอยู่แล้ว เชื่อว่า จะสามารถบรรจุเป้าที่วางไว้ได้
- ต้องมีพื้นที่เปิดร้าน เนื้อที่ประมาณ 60-100 ตารางเมตร - เงินลงทุนเบื้องต้นอยู่ที่ 1-3 ล้านบาท (ขึ้นอยู่กับขนาดร้าน) 1.แบ่งเป็นค่าลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ 3.5แสนบาท อายุสัญญา 3 ปี 2.ที่เหลือเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าตกแต่ง ค่าวัตถุดิบ ฯลฯ - ต้องรับวัตถุดิบหลักจากส่วนกลางเท่านั้น - กำไรสุทธิประมาณ 50% จากยอดขาย - ควรขายได้วันละประมาณ 300 แก้ว - แฟรนไชซอร์สนับสนุนด้านเตรียมพร้อมก่อนเปิดร้าน วัตถุดิบ และการตลาด - คาดการณ์คืนเงินลงทุนได้ในเวลาประมาณ 1 ปี |