เพราะอยากสร้างความแตกต่าง และแปลกใหม่ให้แก่ผลิตภัณฑ์กระเป๋า หรือถุงผ้าธรรมดาๆ เจ้าของผลิตภัณฑ์แบรนด์ ‘RE’ จึงเลือกหยิบวัสดุ “กระดาษ” ที่คนทั่วไปมักคิดว่า ความทนทานน้อยมาสร้างสรรค์เป็นกระเป๋า โดยแก้ไขจุดอ่อนด้วยการใช้กระดาษชนิดพิเศษ ความแข็งแรงสูง มาพร้อมดีไซน์เรียบง่าย เข้ากับกระแสผลิตภัณฑ์สีเขียวได้ดี เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทดแทนถุงพลาสติก
เนื่องจากชอบทำงานศิลปะ โดยเฉพาะงานทำมือ หรือแฮนด์เมดเสมอมา ที่ผ่านมา เจ้าของไอเดียอย่าง “เพ็ญนภา โชติเลอศักดิ์” หรือ “ฝน” มักประดิษฐ์งานแฮนด์เมดหลากหลายชนิด เพื่อเป็นงานอดิเรก และขายเป็นรายได้เสริม หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ชอบทำ คือ ประเภท “กระเป๋า” ซึ่งสาวๆ แทบทุกคนจะนิยมหิ้วติดตัวกันเสมอ
อย่างไรก็ตาม ในท้องตลาดมีผลิตภัณฑ์กระเป๋าวางขายจำนวนมากอยู่แล้ว ทั้งแบรนด์เนมและราคาถูก ส่วนใหญ่วัสดุที่ใช้ผลิตมักเป็นประเภท “ผ้า” “หนัง” หรือ “พลาสติกสังเคราะห์” เท่านั้น ขณะเดียวกัน ถ้าเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเพื่อสิ่งแวดล้อม หนีไม่พ้นเป็น “ถุงผ้า” เท่านั้น จึงเป็นที่มา อยากหาวัสดุอื่นๆ มาใช้ทดแทน เพื่อสร้างความแปลกใหม่และแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ที่เคยมีมา
“งานกระเป๋ามีผู้ผลิตจำนวนมากอยู่มาก ฝนเลยอยากหาวัสดุแปลกจากคนอื่นบ้าง เลยเริ่มหาข้อมูลวัสดุหลายๆ ชนิด จนลงตัวจะเลือกใช้กระดาษชนิดพิเศษ 2 ชนิด คือ Kraft fabric paper ซึ่งเป็นกระดาษสีน้ำตาล ส่วนใหญ่ใช้ทำป้ายยี่ห้อกางเกงยีนส์ กับ Tyvek ซึ่งเป็นวัสดุที่ใช้ทำซองใส่พัสดุสีขาวของบริษัทขนส่งพัสดุชื่อดังระดับโลกแห่งหนึ่ง และทำชุดป้องกันสารเคมีใช้ในห้องทดลองวิทยาศาสตร์”
“สำหรับกระดาษทั้ง 2 ชนิดดังกล่าว ต้องนำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีคุณสมบัติเด่น เรื่องความแข็งแรงทนทานสูง ไม่สามารถฉีกขาดด้วยมือได้ อีกทั้ง ป้องกันน้ำได้ และมีน้ำหนักเบา อายุการใช้งานมากกว่าหนึ่งปีขึ้นไป”
ด้านการออกแบบกระเป๋านั้น เพ็ญนภาบอกว่า ได้รับการสนับสนุนและคำปรึกษาจากศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) เบื้องต้นมี 3 ดีไซน์ แต่ละดีไซน์มี 3 ขนาด เน้นเรียบง่าย โดยส่วนหูหิ้วเป็นสายหนัง เพื่อเสริมความแข็งแรง สามารถรับน้ำหนักเวลาหิ้วได้ดี เหมาะสำหรับใส่ของเวลาไปชอปปิ้ง
สำหรับราคาขายมีตั้งแต่ใบละ 150-650 บาท ผ่านช่องทางตลาด ทั้งวางขายในร้าน Loft ทุกสาขา ร้าน TCDC ชั้น 6 ดิเอ็มโพเรียม นอกจากยังมีโอกาสออกงานแฟร์ผลิตภัณฑ์ไอเดีย ทำให้ได้รับออเดอร์จากต่างชาติ โดยเฉพาะประเทศแถบยุโรปให้ความสนใจผลิตภัณฑ์อย่างมาก เพราะเข้ากับกระแสผลิตภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
“กลุ่มลูกค้าหลักในปัจจุบัน ยังเป็นชาวต่างชาติที่นิยมงานดีไซน์ และให้ความสำคัญต่อผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม ส่วนลูกค้าคนไทยยังไม่ตอบรับมากนัก ส่วนใหญ่จะบอกว่าแค่เป็นกระดาษทำไมถึงขายแพงจัง ซึ่งฝนก็พยายามอธิบายถึงคุณสมบัติด้านความแข็งแรงทนทานต่างจากถุงกระดาษธรรมดาๆ ทั่วไป รวมถึง เป็นงานจากความคิดสร้างสรรค์ และต้นทุนวัสดุค่อนข้างสูง ส่วนในอนาคตจะพยายามพัฒนาดีไซน์เพื่อให้ถูกใจตลาดคนไทยมากยิ่งขึ้นด้วย”
ที่มา www.manager.co.th/SMEs/ViewNews.aspx?NewsID=9550000115796
เนื่องจากชอบทำงานศิลปะ โดยเฉพาะงานทำมือ หรือแฮนด์เมดเสมอมา ที่ผ่านมา เจ้าของไอเดียอย่าง “เพ็ญนภา โชติเลอศักดิ์” หรือ “ฝน” มักประดิษฐ์งานแฮนด์เมดหลากหลายชนิด เพื่อเป็นงานอดิเรก และขายเป็นรายได้เสริม หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ชอบทำ คือ ประเภท “กระเป๋า” ซึ่งสาวๆ แทบทุกคนจะนิยมหิ้วติดตัวกันเสมอ
อย่างไรก็ตาม ในท้องตลาดมีผลิตภัณฑ์กระเป๋าวางขายจำนวนมากอยู่แล้ว ทั้งแบรนด์เนมและราคาถูก ส่วนใหญ่วัสดุที่ใช้ผลิตมักเป็นประเภท “ผ้า” “หนัง” หรือ “พลาสติกสังเคราะห์” เท่านั้น ขณะเดียวกัน ถ้าเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเพื่อสิ่งแวดล้อม หนีไม่พ้นเป็น “ถุงผ้า” เท่านั้น จึงเป็นที่มา อยากหาวัสดุอื่นๆ มาใช้ทดแทน เพื่อสร้างความแปลกใหม่และแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ที่เคยมีมา
“งานกระเป๋ามีผู้ผลิตจำนวนมากอยู่มาก ฝนเลยอยากหาวัสดุแปลกจากคนอื่นบ้าง เลยเริ่มหาข้อมูลวัสดุหลายๆ ชนิด จนลงตัวจะเลือกใช้กระดาษชนิดพิเศษ 2 ชนิด คือ Kraft fabric paper ซึ่งเป็นกระดาษสีน้ำตาล ส่วนใหญ่ใช้ทำป้ายยี่ห้อกางเกงยีนส์ กับ Tyvek ซึ่งเป็นวัสดุที่ใช้ทำซองใส่พัสดุสีขาวของบริษัทขนส่งพัสดุชื่อดังระดับโลกแห่งหนึ่ง และทำชุดป้องกันสารเคมีใช้ในห้องทดลองวิทยาศาสตร์”
“สำหรับกระดาษทั้ง 2 ชนิดดังกล่าว ต้องนำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีคุณสมบัติเด่น เรื่องความแข็งแรงทนทานสูง ไม่สามารถฉีกขาดด้วยมือได้ อีกทั้ง ป้องกันน้ำได้ และมีน้ำหนักเบา อายุการใช้งานมากกว่าหนึ่งปีขึ้นไป”
ด้านการออกแบบกระเป๋านั้น เพ็ญนภาบอกว่า ได้รับการสนับสนุนและคำปรึกษาจากศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) เบื้องต้นมี 3 ดีไซน์ แต่ละดีไซน์มี 3 ขนาด เน้นเรียบง่าย โดยส่วนหูหิ้วเป็นสายหนัง เพื่อเสริมความแข็งแรง สามารถรับน้ำหนักเวลาหิ้วได้ดี เหมาะสำหรับใส่ของเวลาไปชอปปิ้ง
สำหรับราคาขายมีตั้งแต่ใบละ 150-650 บาท ผ่านช่องทางตลาด ทั้งวางขายในร้าน Loft ทุกสาขา ร้าน TCDC ชั้น 6 ดิเอ็มโพเรียม นอกจากยังมีโอกาสออกงานแฟร์ผลิตภัณฑ์ไอเดีย ทำให้ได้รับออเดอร์จากต่างชาติ โดยเฉพาะประเทศแถบยุโรปให้ความสนใจผลิตภัณฑ์อย่างมาก เพราะเข้ากับกระแสผลิตภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
“กลุ่มลูกค้าหลักในปัจจุบัน ยังเป็นชาวต่างชาติที่นิยมงานดีไซน์ และให้ความสำคัญต่อผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม ส่วนลูกค้าคนไทยยังไม่ตอบรับมากนัก ส่วนใหญ่จะบอกว่าแค่เป็นกระดาษทำไมถึงขายแพงจัง ซึ่งฝนก็พยายามอธิบายถึงคุณสมบัติด้านความแข็งแรงทนทานต่างจากถุงกระดาษธรรมดาๆ ทั่วไป รวมถึง เป็นงานจากความคิดสร้างสรรค์ และต้นทุนวัสดุค่อนข้างสูง ส่วนในอนาคตจะพยายามพัฒนาดีไซน์เพื่อให้ถูกใจตลาดคนไทยมากยิ่งขึ้นด้วย”
ที่มา www.manager.co.th/SMEs/ViewNews.aspx?NewsID=9550000115796