“ตำเพลิน” ร้านอาหารอีสาน รสแซบต้นตำรับจากโคราช ของดาราสาว จุ๋ย “วรัทยา นิลคูหา” ที่ควักกระเป๋าลงขันร่วมทุนกับอดีตคนรู้ใจ “นิว” วงศกร ปรมัตถากร และเพื่อนนอกวงการ โดยยึดพื้นที่ในห้างสรรพสินค้า บิ๊กซี ซุปเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาสุขาภิบาล 5
วรัทยา เล่าว่า ที่มาของร้านตำเพลินเกิดขึ้นมาจาก ส่วนตัวเป็นคนชอบทำอาหาร และชอบรับประทานโดยเฉพาะอาหารอีสาน เมนูที่โปรดคือ "ส้มตำ" แต่หาร้านที่ถูกใจค่อนข้างยาก และตนเองเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ชื่นชอบรับประทาน ส้มตำเหมือนกับตัวเอง โดยดูจากร้านอาหารอีสานทั้งเล็ก และใหญ่ที่เปิดกันอยู่เป็นจำนวนมากทุกพื้นที่ ก็เลยเกิดความคิดว่า เราน่าจะทำร้านอาหารอีสาน ในสไตล์ที่แตกต่างจากร้านอาหารอีสานทั่วไป เพราะเน้นการสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นนั่งสบายๆ เหมือนกับการรับประทานอาหารกันในครอบครัวเดียวกัน
“ก่อนหน้านี้ในวัยเด็ก ครอบครัวมักจะต้องมานั่งล้อมวงกันกินข้าว ซึ่งเมนูเด็ดของพ่อ แม่ที่โชว์ฝีมือทำบ่อย คือ น้ำพริกกะปิ แกงเขียวหวาน ก๋วยเตี๋ยวไก่ ราดหน้า และที่ขาดไม่ได้ก็คือ ส้มตำ แต่พอมาอยู่กรุงเทพฯ กลับหาร้านส้มตำที่ถูกใจได้ยาก ก็เลยเป็นที่มาของการเปิดร้านส้มตำ คิดอยู่นาน ก่อนจะตัดสินใจเปิดร้านเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา”
โดยได้ร่วมกับเพื่อน จำนวน 4 หุ้น ใช้เงินลงทุนครั้งนี้ เป็นหลักล้านบาท และได้ลงมือตกแต่งร้านด้วยตัวเอง โดยเลือกใช้โทนสีเย็นอย่างสีเทา จากนั้นกระตุ้นความหิวและความอยากอาหารด้วยแสงไฟสีส้ม ส่วนของผนังถูกแต่งแต้มให้มีชีวิตชีวาด้วยการเพ้นต์สีเป็นลวดลายธรรมชาติ ซึ่งพื้นที่ของร้านจะรองรับลูกค้าได้ประมาณ 80 คน แต่ส่วนใหญ่เวลาที่ลูกค้าจะมาใช้บริการจะมีแค่ 2 ช่วง คือกลางวัน และหลังเลิกงานตอนเย็น และค่ำ และที่เลือกพื้นที่ดังกล่าว เพราะเห็นว่ามีร้านอาหารเปิดน้อย น่าจะมีคู่แข่งอยู่น้อย ประกอบกับบ้านอยู่ในห่างจากร้านมากนัก จะได้มีเวลามาดูแลร้านเมื่อมีเวลาว่าง แต่ส่วนใหญ่หน้าที่ตรงนี้จะตกอยู่ที่เพื่อน ซึ่งเป็นหุ้นส่วนมากกว่า แต่ถ้ามีเวลาก็จะแวะเวียนมา
สำหรับเมนูของทางร้าน จุ๋ยช่วยกันคิดและออกแบบร่วมกับหุ้นส่วน โดยได้แบ่งเมนูเด่น 7 ประเภท มี ตำเพลิน ต้มยำเพลิน ผัดเพลิน อาหารจานเพลิน ทอดเพลิน ยำเพลิน ซึ่งรวมทั้งหมดก็เกือบจะร้อยเมนู เมนูเด็ดๆ ที่ใครมาใครไปต้องสั่ง มี ตำป่า ตำโคราช ตำกุ้งสด ตำถั่วหมูกรอบ ตำแตงไข่เค็ม ผัดหมี่โคราช ต้มแซบเห็ดเพลิน ปั้นก้อนทอดเพลิน ปลาช่อนเพลินสวน ปีกไก่ทอด
“ส่วนพ่อครัว ได้พ่อครัว ซึ่งมีประสบการณ์ด้านการทำอาหารอีสานจากโคราช เพราะเมนูอาหารของเราส่วนใหญ่จะเป็นสูตรอาหารอีสานจากโคราช ปัจจุบันพ่อครัว ค่อนข้างลงตัว เพราะหลายเมนูค่อนข้างถูกใจลูกค้า ในส่วนของลูกค้า ส่วนใหญ่จะมากันเป็นครอบครัว กลุ่มเพื่อนนักแสดง จะมาอุดหนุน เพราะมีบริการจัดส่งแบบดิลิเวอรี่ มีเพื่อนนักแสดงหลายคนที่มีบ้านอยู่ในย่านนั้น และยังมีกลุ่มที่เป็นแฟนคลับของทั้งจุ๋ย และพี่นิว มาอุดหนุน ถ้าทั้งสองคนว่าง ก็จะสลับกันแวะเวียนเข้ามารับลูกค้าที่ร้านบ้าง แต่ก็ไม่บ่อย เพราะงานยุ่งด้วยกันทั้งคู่ ในขณะที่ยอดขายของทางร้านสามารถอยู่ได้ ด้วยรสชาติ และบรรยากาศ ไม่ไช่ตัวจุ๋ย หรือ พี่นิว”
ส่วนรายได้ของทางร้านไม่แน่นอนในแต่ละเดือน แต่ก็เรียกได้ว่าไม่ขาดทุน กำไรก็ไม่ได้มาก เพราะในแต่ละเดือนต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนค่อนข้างมากถึงเดือนละ 400,000-500,000 บาท รายได้ที่ได้มากจึงเป็นค่าใช้จ่ายมากกว่า โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 2 ปี
สำหรับการแข่งขันของธุรกิจร้านอาหาร จุ๋ย มองว่า อาหารแต่ละร้าน แต่ละยี่ห้อ ต่างก็มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ซึ่งร้านตำเพลิน ส่วนตัวมองว่า เด่นที่ส้มตำ รวมถึงทำเลดี เพราะละแวกนั้นไม่มีร้านส้มตำที่ลูกค้าสามารถเข้าไปนั่งได้ ส่วนมากเป็นรถเข็น ฉะนั้น คนที่ต้องการรับประทานอาหารอีสาน แบบสะดวกสบายก็มักมาที่ร้านเรา
วรัทยา เล่าว่า ที่มาของร้านตำเพลินเกิดขึ้นมาจาก ส่วนตัวเป็นคนชอบทำอาหาร และชอบรับประทานโดยเฉพาะอาหารอีสาน เมนูที่โปรดคือ "ส้มตำ" แต่หาร้านที่ถูกใจค่อนข้างยาก และตนเองเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ชื่นชอบรับประทาน ส้มตำเหมือนกับตัวเอง โดยดูจากร้านอาหารอีสานทั้งเล็ก และใหญ่ที่เปิดกันอยู่เป็นจำนวนมากทุกพื้นที่ ก็เลยเกิดความคิดว่า เราน่าจะทำร้านอาหารอีสาน ในสไตล์ที่แตกต่างจากร้านอาหารอีสานทั่วไป เพราะเน้นการสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นนั่งสบายๆ เหมือนกับการรับประทานอาหารกันในครอบครัวเดียวกัน
“ก่อนหน้านี้ในวัยเด็ก ครอบครัวมักจะต้องมานั่งล้อมวงกันกินข้าว ซึ่งเมนูเด็ดของพ่อ แม่ที่โชว์ฝีมือทำบ่อย คือ น้ำพริกกะปิ แกงเขียวหวาน ก๋วยเตี๋ยวไก่ ราดหน้า และที่ขาดไม่ได้ก็คือ ส้มตำ แต่พอมาอยู่กรุงเทพฯ กลับหาร้านส้มตำที่ถูกใจได้ยาก ก็เลยเป็นที่มาของการเปิดร้านส้มตำ คิดอยู่นาน ก่อนจะตัดสินใจเปิดร้านเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา”
โดยได้ร่วมกับเพื่อน จำนวน 4 หุ้น ใช้เงินลงทุนครั้งนี้ เป็นหลักล้านบาท และได้ลงมือตกแต่งร้านด้วยตัวเอง โดยเลือกใช้โทนสีเย็นอย่างสีเทา จากนั้นกระตุ้นความหิวและความอยากอาหารด้วยแสงไฟสีส้ม ส่วนของผนังถูกแต่งแต้มให้มีชีวิตชีวาด้วยการเพ้นต์สีเป็นลวดลายธรรมชาติ ซึ่งพื้นที่ของร้านจะรองรับลูกค้าได้ประมาณ 80 คน แต่ส่วนใหญ่เวลาที่ลูกค้าจะมาใช้บริการจะมีแค่ 2 ช่วง คือกลางวัน และหลังเลิกงานตอนเย็น และค่ำ และที่เลือกพื้นที่ดังกล่าว เพราะเห็นว่ามีร้านอาหารเปิดน้อย น่าจะมีคู่แข่งอยู่น้อย ประกอบกับบ้านอยู่ในห่างจากร้านมากนัก จะได้มีเวลามาดูแลร้านเมื่อมีเวลาว่าง แต่ส่วนใหญ่หน้าที่ตรงนี้จะตกอยู่ที่เพื่อน ซึ่งเป็นหุ้นส่วนมากกว่า แต่ถ้ามีเวลาก็จะแวะเวียนมา
สำหรับเมนูของทางร้าน จุ๋ยช่วยกันคิดและออกแบบร่วมกับหุ้นส่วน โดยได้แบ่งเมนูเด่น 7 ประเภท มี ตำเพลิน ต้มยำเพลิน ผัดเพลิน อาหารจานเพลิน ทอดเพลิน ยำเพลิน ซึ่งรวมทั้งหมดก็เกือบจะร้อยเมนู เมนูเด็ดๆ ที่ใครมาใครไปต้องสั่ง มี ตำป่า ตำโคราช ตำกุ้งสด ตำถั่วหมูกรอบ ตำแตงไข่เค็ม ผัดหมี่โคราช ต้มแซบเห็ดเพลิน ปั้นก้อนทอดเพลิน ปลาช่อนเพลินสวน ปีกไก่ทอด
“ส่วนพ่อครัว ได้พ่อครัว ซึ่งมีประสบการณ์ด้านการทำอาหารอีสานจากโคราช เพราะเมนูอาหารของเราส่วนใหญ่จะเป็นสูตรอาหารอีสานจากโคราช ปัจจุบันพ่อครัว ค่อนข้างลงตัว เพราะหลายเมนูค่อนข้างถูกใจลูกค้า ในส่วนของลูกค้า ส่วนใหญ่จะมากันเป็นครอบครัว กลุ่มเพื่อนนักแสดง จะมาอุดหนุน เพราะมีบริการจัดส่งแบบดิลิเวอรี่ มีเพื่อนนักแสดงหลายคนที่มีบ้านอยู่ในย่านนั้น และยังมีกลุ่มที่เป็นแฟนคลับของทั้งจุ๋ย และพี่นิว มาอุดหนุน ถ้าทั้งสองคนว่าง ก็จะสลับกันแวะเวียนเข้ามารับลูกค้าที่ร้านบ้าง แต่ก็ไม่บ่อย เพราะงานยุ่งด้วยกันทั้งคู่ ในขณะที่ยอดขายของทางร้านสามารถอยู่ได้ ด้วยรสชาติ และบรรยากาศ ไม่ไช่ตัวจุ๋ย หรือ พี่นิว”
ส่วนรายได้ของทางร้านไม่แน่นอนในแต่ละเดือน แต่ก็เรียกได้ว่าไม่ขาดทุน กำไรก็ไม่ได้มาก เพราะในแต่ละเดือนต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนค่อนข้างมากถึงเดือนละ 400,000-500,000 บาท รายได้ที่ได้มากจึงเป็นค่าใช้จ่ายมากกว่า โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 2 ปี
สำหรับการแข่งขันของธุรกิจร้านอาหาร จุ๋ย มองว่า อาหารแต่ละร้าน แต่ละยี่ห้อ ต่างก็มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ซึ่งร้านตำเพลิน ส่วนตัวมองว่า เด่นที่ส้มตำ รวมถึงทำเลดี เพราะละแวกนั้นไม่มีร้านส้มตำที่ลูกค้าสามารถเข้าไปนั่งได้ ส่วนมากเป็นรถเข็น ฉะนั้น คนที่ต้องการรับประทานอาหารอีสาน แบบสะดวกสบายก็มักมาที่ร้านเรา
Tag :
108 อาชีพคนดัง
,
หมวดอาหาร