“เอเชียฟอเรสตรี้” เจ้าตลาดไม้กฤษณาในไทย แตกไลน์โปรดักส์จากฤษณาส่งออกทั่วโลก
ธุรกิจไม้กฤษณา ที่ยังคงยืนหยัดอยู่ได้ต้องยกให้กับ “เอเชียฟลอเรสตรี้” แมนเนจเม้นท์ ธุรกิจไม้เศรษฐกิจที่ได้รับความนิยมในกลุ่มของนักลงทุนหลากหลายอาชีพและเป็นอันดับหนึ่งในประเทศ เพราะเป็นเจ้าแรกที่เปิดในประเทศไทย เป็นธุรกิจที่นักลงทุนต่างก้าวเข้าหา คุณฐิตาภา โรจนปัญญากุล ผู้บริหารหญิงแกร่งแห่ง บริษัท เอเชียฟอเรสตรี้ แมนเนจเม้นท์ จำกัด ได้กล่าวย้ำชัดถึงความรุ่งโรจน์ของธุรกิจ
เป็นที่รู้กันว่ามูลค่าของต้นกฤษณานั้นมีค่ามหาศาล โดยเฉพาะน้ำมันกฤษณา ที่ได้จากากรกลั่นจากเนื้อไม้ที่มีสารกฤษณาเกิดขึ้น เป็นน้ำมันที่มีราคาแพงที่สุดในโลก การลงทุนในธุรกิจส่วนป่ากฤษณา จึงได้รับความนิยมอย่างพุ่งพรวด ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศแรกที่สามารถส่งออกน้ำมันกฤษณาและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ออกจำหน่ายสู่ตลาดโลกได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตามอนุสัญญาไซเตรส ไม้กฤษณาในวันนี้จึงไม่ใช่สินค้า “ต้องห้าม” ที่ใช้เฉพาะในราชวงศ์ขั้นสูงอีกต่อไป ปัจจุบันเมืองไทยมีต้อนกฤษณา กระจายอยู่ทั่วประเทศ แต่จะมากที่สุดในจังหวัดตราด จันทบุรี เพราะเป็นพื้นที่ ที่ให้ผลผลิตได้ดีที่สุดในโลกก็ว่าได้
ไม้กฤษณาและน้ำมันกฤษณา เป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูงเมื่อเทียบกับน้ำมันหอมชนิดอื่น และเป็นที่ต้องการของตลาดโลกไม่ว่าจะเป็นประเทศในแถบตะวันออกลาง เอเชีย และยุโรป เพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องหอมและพิธีทางศาสนาอิสลาม รวมทั้งวัตถุดิบในการผลิตน้ำหอม ซึ่งเป็นสารพิเศษที่ช่วยให้กลิ่นติดทนนาน เมื่อนำมาขายสู่ท้องตลาดสร้างมูลค่าได้สูงมาก ทั้งนี้ในส่วนของน้ำมันขึ้นอยู่กับเนื้อไม้ ขึ้นอยู่กับเกรด ประมาณ 8,000-12,000 บาทต่อโตร่า (1 โตร่าเท่ากับ 12 ซีซี) หรือลิตรละ 375,000 – 670,000 บาท
จากกำลังการผลิตน้ำมันกฤษณาที่ทำได้อย่างเพียงพอ เอเชีย ฟลอเรสตรี้ จึงเกิดไอเดียในการต่อยอดวัตถุดิบที่มีอยู่ ด้วยการแตกไลน์เป็นผลิตภัณฑ์ชิมลางตลาด คือผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผิว เช่น ครีมบำรุงผิว เนื้อครีม หนา นุ่ม เข้มข้นมาก ๆ ช่วยให้ผิวพรรณดี ไม่เหี่ยวย่น ปราศจากสารเคมี ติดทนนานหอมถึง 3 ชั่วโมง และครีมอาบน้ำ กลิ่น Ylang Ylang หรือกลิ่นกระดังงาและน้ำมันกฤษณาช่วยให้ผ่อนคลายผิวกายสะอาด วางตลาดในราคาไม่แพง ด้วยแบรนด์ “Eternity Scent”
นอกจากนี้ยังมีน้ำหอมด้วย ซึ่งมีให้เลือก 6 กลิ่นด้วยกัน เช่น Ebony , Daimond , Wonder , Dternal , Vanreign , Sovereign เป็นต้น เน้นส่งออกไปยังกลุ่มตะวันออกกลาง มาเลเซีย อินโดนีเซีย อีกด้วย โดยเน้นกลิ่นตามแบบฉบับที่กลุ่มผู้บริโภคในประเทศนั้น ๆ นิยม ล่าสุดกับโปรดักส์น้องใหม่ ธูปหอม
“ผลิตภัณฑ์ใหม่ของเรา สามารถใช้ได้กลับกลุ่มผู้บริโภคทุกเพศ เริ่มตั้งแต่อายุกลุ่มวัยรุ่นขึ้นไป สินค้าผ่านการวิจัยและทดลองเรียบร้อย อนาคตวางช่องทางการจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่าย เพื่อกระจายสินค้าไปในตัว เน้นจับกลุ่มลูกค้าตลาดบน เป็นสินค้าที่มีอนาคต เพราะไร้คู่แข่ง เราคาดวังว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี เนื่องจากเป็นสินค้าใหม่ อีกทั้งผลิตจากธรรมชาติดีต่อสุขภาพ นับว่าเป็นจุดแข็งที่สร้างจุดขายได้ และเป็นสินค้าที่มีเรื่องราวที่น่าสนใจ เราจะทำการเปิดตัวใน Shop ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำและในบูธการลงทุน”
ส่วนรูปแบบการลงทุนกับต้นกฤษณานั้น จะเป็นลักษณะ Contact Farming ซึ่งบริษัทจะเป็นเจ้าของเทคโนโลยีการสกัด การปลูก การให้สารเร่งเพื่อกระตุ้นให้ต้นกฤษณาผลิตสารออกมา เรียกได้ว่า ดูแลอย่างครบวงจรตั้งแต่การปลูกไปจนถึงการตัด
โดยแบ่งรูปแบบการลงทุนเป็น 2 รูปแบบ คือ รูปแบบที่ให้เงินปันผล กับรูปแบบที่ไม่มีเงินปันผล โดยรูปแบบแรกทางบริษัท จะจ่ายเงินปันผลให้ภายในปีที่ 3 เป็นเงินก้อนแรกจำนวนหนึ่ง แล้วรับเงินปลายทางในปีที่ 6 อีกก้อนหนึ่ง เรียกว่าเป็นการจ่ายเงินตอบแทนและเงินต้นทุนคืนแก่ผู้ลงทุน ส่วนรูปแบบที่ไม่รับเงินปันผลคือ เป็นการลงทุนในระยะเวลา 6 ปี มีผลตอบแทนสูง
“ยกตัวอย่างผลตอบแทน หากลงทุนเริ่มต้นที่ 131,280 บาท ผลกำไรในรูปแบบแรกจะได้เงินก้อนแรกในปีที่ 3 จำนวน 51,000 บาท และอีกจำนวน 156,500 บาทรับในปีที่ 6 ผลตอบแทน 12% แบบที่ 2 เป็นการลงทุนระยะยาว 6 ปี ผลตอบแทน 12-17% ขึ้นอยู่กับหน่วยการลงทุนต้นไม้
เราดูแลกระบวนการปลูกไม้กฤษณาตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ เรามีนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการปลูก กระบวนการกระตุ้นสารและเทคโนโลยีของหม้อต้มกั่นการแปรรูปเนื้อไม้ ให้น้ำมันออกมามีคุณภาพเกรด A เป็นที่ต้องการของตะวันออกกลาง สามารถสร้างผลกำไรให้กับนักลงทุนได้อย่างมหาศาล และเป็นการสร้างรายได้ให้กับประชาชนในท้องถิ่น สร้างแบรนด์น้ำมันไทยสู่ตลาดโลกและสิ่งสำคัญเป็นการนำเงินเข้าสู่ประเทศ ในเรื่องความปลอดภัยบริษัทก็มีการดูแลต้นไม้และมีการรับประกันไม้ตายและหาย” คุณฐิตาภา กล่าวทิ้งท้าย
Tag :
108 ลู่ทางรวย
,
108 ไอเดียธุรกิจ