ขนมมาม่อน หรือ สปองจ์เค้ก เป็นขนมหวานประเภทขนมอบที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศฟิลิปปินส์ เป็นขนมยอดนิยมที่เริ่มแพร่หลายในเมืองไทยแล้ว จะเห็นได้จากการยกมาม่อนมาเป็นจุดเด่นให้กับร้านของตนเอง ซึ่งก็มีบางร้านที่เขาก็จับขนมมาม่อนมาเป็นธุรกิจเพียงอย่างเดียว สำหรับขนมมาม่อนที่ติดตลาดได้ ด้วยความอร่อยโดดเด่นเฉพาะตัวอยู่ที่ความนุ่มเนียนของเนื้อและความหลากหลายของหน้าขนม ความนุ่มของเนื้อขนมจะคล้ายกับลิฟฟ่อนเค้ก แต่ขนมมาม่อนจะมีความนุ่มและที่เป็นเอกลัษณ์ ไม่ฝืดคอ เนื้อไม่ลุ่ย มีความหวานพอดี ในส่วนของหน้าขนมก็สามารถปรับได้ตามใจ ทั้งหน้าขนมดั้งเดิม ที่เป็นชีสฝอยหรือหน้าขนมที่เป็นผลไม้ตามฤดูกาลและอื่น ๆ อีกมากมายขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการแต่ละรายที่จะพัฒนามาดัดแปลงให้เหมาะสมกับธุรกิจของตนเองด้วย
ส่วนตลาดในการวางขายก็ได้หลายพื้นที่จะนิยมวางขายตลาดกลางก็ได้หรือจะนำไปทำเป็นคอฟฟี่เบรก จัดเลี้ยงสัมมนาให้สำหรับลูกค้าก็ได้
มาสร้างกำไรจากขนมมาม่อนทรี By Inner Restaurant
คุณนภาพร เพ็ชรจินดา เจ้าของร้าน อินเนอร์ เรสเตอรองค์ ร้านอาหารที่รวมหลากหลายสัญชาติ ไมว่าจะเป็นอาหารนานาชิต อิตาเลียน ไทย ฝรั่งเศล จีน อาหารฟิวชั่น เครื่องดื่มแก้กระหายอย่างสมูทตี้และกาแฟ ยังรวมไปถึงของว่างอย่างเบเกอรี่ที่คัดสรรของอร่อย เช่น เค้ก และขนมที่เป็นชนวนสำคัญในการตั้งร้าน คือ มาม่อน นั่นเอง คุณนภาพรเผยถึงการก่อตั้งร้านอาหารว่า เกิดขึ้นได้จากการทดลองทำมาม่อน ลองผิดลองถูกมานานกว่า 1 ปี พอทำรสชาติได้ตามที่ต้องการเป็นผลสำเร็จ สินค้าตัวอื่นจึงทยอยตามมา และก่อตั้งมาเป็นร้านอาหารในปัจจุบัน
โดยคุณนภาพร ยังได้มีการขยายสาขาออกไปทั้งหมด 4 สาขา อาทิ มหิดล ศาลายา ตลาดน้ำดอนหวาย ฯลฯ ซึ่ง 4 สาขานั้นจะเป็นเบอเกอรี่คาเฟ่ทั้งหมด จะมีแค่ร้านอาหารอินเนอร์เรสเตอรองค์ สาขาบางใหญ่ที่เดียว ส่วนจุดเด่นของมาม่อนนั้น คุณสภาพรเล่าว่า “ตัวแป้งเรามีน้ำหนักเบา ชุ่มฉ่ำละมุนลิ้น โดยเราใช้วัตถุดิบที่ดีอย่างหน้าฝอยทองเราก็ทำฝอยทองเองเลย หรือหน้าอื่น เราก็ใช้วัตถุดิบหลัก ๆ ที่นำเข้า เช่น ลูกเกด เราก็คัดเกรดที่มีเมล็ดขนาดใหญ่ ขนมทุกชิ้นเราก็ไม่ใส่วัตถุกันเสีย เพราะถ้าเราใส่วัตถุกันเสีย อนาคตเราไม่รู้ว่าจะมีการสะสมสารพวกนี้ด้วยหรือเปล่า ซึ่งเราจะนึกถึงผู้บริโภคและตัวเองเหมือนกัน เพราะสินค้าของเรา เราก็รับประทานเองด้วย ถ้าเราใส่สารหรือวัตถุดิบที่ไม่มีคุณภาพ ก็เหมือนเราได้ทานสิ่งเหล่านั้นไปด้วย”
โดยมาม่อนของแบรนด์มาม่อนทรีมีทั้งหมด 9 หน้า ได้แก่ หน้าชีส หน้าเมล็ดแตงโม หน้าฝอยทอง หน้าอัลมอนด์ หน้าผลไม้อบแห้ง หน้าลูกชิด หน้าลูกเกด หน้ามะม่วงหิมพานต์ หน้าเมล็ดฟักทอง หน้าที่ได้รับความยินม ก็จะขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมาย อาทิ ถ้ากลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ใหญ่ ก็จะชอบหน้าฝอยทอง กลุ่มเด็กจะเป็นหน้าชีส วัยรุ่นก็จะชอบหน้าลูกเกด เป็นต้น ราคาชิ้นละ 15 บาท ลูกค้าสามารถเลือกหน้าเองได้ ตามใจชอบ
สำหรับการลงทุนนั้น คุณนภาพรยินดีรับเป็นตัวแทนจำหน่ายมากขึ้น ให้มาตกลงุคยกันก่อนว่ามีการสั่งออร์เดอร์เท่าไหร่ สั่งประจำหรือไม่ หลักเกณฑ์ในการสั่งซื้อก็เหมือนโดยทั่วไป คือยิ่งสั่งในปริมาณที่มาก ก็จะได้ส่วนลดเพิ่มไปอีก โดยกำไรที่เขาจะได้ขึ้นอยู่กับปริมาณที่เขาสั่งซื้อ แต่เฉลี่ยขั้นต่ำประมาณ 20%
โดยทำเลที่ตั้งลูกค้าสามารถนำไปขายตามตลาดที่ใกล้แหล่งย่านนักศึกษาหรือขายตามศูนย์ราชการที่มีตลาดในช่วงกลางวันก็สามารถขายได้ หรือจะนำไปจัดเป็นคอฟฟี่เบรก ส่งตามออฟฟิศก็ได้
นอกจากนี้คุณนภาพพรยังทิ้งท้ายสำหรับผู้ที่ต้องการทำธุรกิจเบเกอรี่ว่า “เราต้องการให้เขามีธุรกิจเองมากกว่าที่เขาจะมารับสินค้าของเรา เพราะว่าตอนนี้เตาเอบราคาก็ไม่ใช่แพง วัตถุดิบตอนนี้ก็มีราคาค่อนข้างหลากหลาย คนที่สนใจอาจจะลองทำน้อย ๆ เพื่อลองตลาดดูก่อนได้ เพราะถ้าเขาได้ลองทำ เขาจะรู้สึกดีใจที่มีธุรกิจ รวมถึงได้มีกำไรเป็นของตนเองไม่ต้องไปหักให้ใครด้วย”
สุดท้ายนี้ ถ้ามีใครสนใจ ก็สามารถติดต่อได้ที่ โทร. 0-2459-2111 เว็บไซต์ www.inner-gruop.com
Tag :
108 ลู่ทางรวย
,
108 อาหารพารวย
