สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ผมมีบทความดี ๆ เกี่ยวกับธุรกิจเครือข่ายมาฝากให้เพื่อน ๆ ได้เรียนรู้และศึกษาความเป็นไปได้ของธุรกิจนี้กันดูครับ เพราะอาจมีหลายคนที่ไม่มั่นใจในธุรกิจนี้ ได้ยินคำว่า ธุรกิจเครือข่าย ก็ส่ายหัวไปตาม ๆ กัน ดังนั้น เรามาดูแนวคิดและแนวทางในการที่จะประสบความสำเร็จได้ในธุรกิจสายนี้กันครับ
ธุรกิจเครือข่าย เป็นธุรกิจที่สามารถสร้างให้เกิดความสำเร็จขึ้นได้จริง และที่สำคัญก็คือ ธุรกิจนี้ยังก่อให้เกิด “รายได้ที่ไม่ต้องทำงาน” ในระยะยาวได้อีกด้วย ดังเราจะเห็นได้จากธุรกิจเครือข่ายทั้งของไทยและของต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็น จอยแอนคอย แอมเวย์ กิฟฟารีน มิสทีน เอวอน นูสกิน หรือ ทัปเปอร์แวร์ เป็นต้น บางธุรกิจที่ผมได้เอ่ยชื่อมาแล้ว ยังสามารถสร้างเครือข่ายที่ใหญ่โตมโหฬาร และทำให้ผู้คนประสบความสำเร็จมาแล้วจำนวนนับไม่ถ้วน เรามาดูกันหน่อยว่า ทำไม? ธุรกิจเครือข่ายจึงสามารถดึงดูดผู้คนให้เข้าร่วมเครือข่ายได้เป็นจำนวนมาก โดยมีเหตุผลดังนี้ครับ
๐ เงินลงทุนเริ่มต้น...ระดับต่ำมาก
การเริ่มต้นของผู้คนที่อยากเข้ามาในธุรกิจนี้ก็เพียงเสียค่าสมาชิกหลักร้อยบาทหรือหลักพันเท่านั้น จากนั้นก็นำสินค้าไปขาย หากขายได้...ก็ค่อยไปซื้อจากบริษัทที่เป็นเจ้าของเครือข่าย เพื่อนำมาส่งมอบและเก็บเงินจากลูกค้าอีกทอดหนึ่ง จึงนับได้ว่าเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำมาก...และยังใช้เงินลงทุนเริ่มต้นที่ต่ำมากอีกด้วย
๐ เวลาทำงาน...มีความยืดหยุ่นสูงมาก
ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่สมาชิกหรือผู้เข้าร่วมเครือข่ายสามารถกำหนดเวลาเองได้เกือบทั้งหมด เป้าหมายอยู่ที่การทำยอดขายของตนเองและของดาวน์ไลน์หรือบรรดาผู้คนที่สมัครเข้ามาอยู่ในสังกัดเครือข่ายของตนเท่านั้น
๐ “รายได้ที่ไม่ต้องทำงาน” เป็นหนึ่งในเป้าหมายหลัก
ธุรกิจนี้โดยส่วนใหญ่มักจะวาดฝันให้กับผู้ที่เข้ามาสมัครร่วมกับธุรกิจนี้ว่า ในอนาคตพวกเขาแทบจะไม่ต้องทำงาน ก็จะมีเงินมีทองไหลเข้ามาเอง เพราะว่าบรรดาดาวน์ไลน์หรือลูกข่ายจะขายสินค้าต่างๆ และก็จะทำให้เกิดค่าคอมมิชชั่นหรืออินเซ็นทีฟเข้ามาในบัญชีของพวกเขาทุกเดือนโดยอัตโนมัติ ซึ่งในความคิดของผมคิดว่า มันถูกต้องเพียงครึ่งเดียว เพราะ ถ้าไม่สามารถรักษาลูกข่ายของตนให้ขายสินค้าของเครือข่ายไว้ได้ ผลตอบแทนต่างๆ ที่คาดว่าจะได้ ก็อาจจะกลายเป็นความฝัน...มากกว่าความจริง
สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดของ..ธุรกิจเครือข่ายนี้ก็คือ มันได้ก่อให้เกิดกระบวนการที่ดีอยู่ด้วยกัน 2 กระบวนการ ดังนี้คือ
1. กระบวนการทำซ้ำ (Duplication Process)
คุณเริ่มต้นเพียงแต่การเข้าใจสินค้า เทคนิคการขาย เทคนิคการจูงใจคนให้เข้าร่วมเครือข่าย และอีกมากมาย แต่หลังจากที่คุณมีความเชี่ยวชาญแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่าง..ก็แทบจะเหมือนเดิม เกิดกระบวนการทำซ้ำแล้ว...ทำซ้ำอีก ทำให้ไม่ต้องไปเสียเวลาแสวงหาสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา
2. กระบวนการ “คานทดแรง” (Leverage Process)
คุณผู้อ่านคงคุ้นเคยกับการใช้ชะแลง เวลาเราจะใช้ชะแลงงัดตะปู เราก็จะจับที่ปลายชะแลงอีกด้านหนึ่ง ซึ่งยิ่งจับที่ปลายอีกด้านมากเท่าไร ก็จะทำให้การงัดตะปูใช้แรงยิ่งน้อยลงเท่านั้น ผมเรียกกระบวนการนี้ว่า กระบวนการ “คานทดแรง”
เช่นเดียวกัน ในธุรกิจเครือข่าย ยิ่งเราสามารถชักชวนผู้คนให้เข้ามาเป็นดาวน์ไลน์หรือลูกข่ายของเราได้มากเท่าไร เราก็จะยิ่งมีพลังในการหารายได้มากขึ้นเท่านั้น เช่น ทำเต็มที่อยู่คนเดียวได้วันละ 8 ชั่วโมง สัปดาห์หนึ่งทำ 6 วัน มีเวลาทำงานทั้งหมด 48 ชั่วโมง แต่ถ้าเครือข่ายมีคน 60 คน สัปดาห์หนึ่งทำเพียงวันเดียวได้ 8 ชั่วโมง ก็จะทำให้มีเวลาทำงานทั้งหมด 480 ชั่วโมง คิดเป็นสูงถึง...สิบเท่าตัว ทั้งๆ ที่ทำงานเพียงแค่วันเดียวต่อสัปดาห์เท่านั้น
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว.. คุณผู้อ่านหลายท่านอาจเริ่มมีความคิดที่ดีต่อธุรกิจเครือข่ายขึ้นมาบ้างแล้ว และหลายท่านอาจเริ่มคิดที่อยากจะทำให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ผมก็มีข้อสังเกตบางประการที่ผมคิดว่า มีความสำคัญเพื่อให้คุณผู้อ่านที่สนใจธุรกิจประเภทนี้ ได้ตระหนักถึงก่อนที่คุณจะเริ่มลงมือทำธุรกิจนี้ ดังนี้ครับ
๐ เป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง
เนื่องจากนโยบายของบริษัทเจ้าของเครือข่ายที่ต้องการให้สินค้าขายได้มากที่สุด ดังนั้น จึงนำไปสู่การรับสมาชิกเข้าร่วมเครือข่ายอย่างไม่จำกัดจำนวน นั่นหมายถึง หากเราทำธุรกิจประเภทนี้ เราก็จะต้องประสบพบกับการแข่งขันจากสมาชิกที่ขายสินค้าเดียวกัน..จากเครือข่ายอื่น และจำนวนสมาชิกดังกล่าว..ก็มีแต่จะเพิ่มขึ้นทุกวัน
๐ อาจเป็นธุรกิจที่อาจทำให้คนรู้จัก...ห่างเหิน
ธุรกิจเครือข่ายนี้มักจะใช้การแนะนำให้คนรอบข้างใช้สินค้าของบริษัทเครือข่าย โดยเริ่มจากญาติมิตรที่สนิทสนมกันก่อน จากนั้นจึงพยายามขยายเครือข่ายไปยังคนที่รู้จักกันต่อๆ ไปเป็นเครือข่าย ด้วยการขยายเครือข่ายดังกล่าว ก็จะทำให้บรรดาญาติมิตรหลายคนตีจากออกไป เพราะไม่อยากซื้อสินค้าดังกล่าว
๐ “ทัศนคติ” เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
ธุรกิจเครือข่ายเป็นการขายสินค้าที่มีโอกาสที่จะถูกปฏิเสธได้ง่าย ดังนั้น คนที่จะทำธุรกิจเครือข่ายจำเป็นที่จะต้องศึกษาผลิตภัณฑ์ของธุรกิจนั้นๆ เป็นอย่างดี นอกจากนั้นยังต้องเป็นคนที่ชอบตั้งเป้าหมายในชีวิต มองโลกในแง่ดี และมุ่งมั่นทำทุกสิ่งเพื่อให้ความฝันที่หวังไว้ประสบความสำเร็จ
ดังนั้น “ทัศนคติ” ของผู้ที่ทำธุรกิจนี้ให้ประสบความสำเร็จจะต้องอยู่ในระดับที่ดีมาก และจะต้องรักษาการมีทัศนคติที่ดีนี้ไว้ให้ได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม
ทั้งหมดนี้เป็นแนวทางและแนวคิดในการที่จะประสบความสำเร็จในเส้นทางสายธุรกิจเครือข่าย และเป็นคนใน 5% ที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้ ดังนั้นหากเพื่อน ๆ ท่านใดที่กำลังเดินทางในเส้นทางสายนี้อยู่ก็อย่าลืมสร้างทัศนคติที่ดี ๆ กับงานด้านนี้กันนะครับ
เรียบเรียงบทความจาก http://www.bangkokbiznews.com บทความโดย ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์