Image courtesy of [Stuart Miles] / FreeDigitalPhotos.net |
1. เลือกวิธีการสร้าง Website
“เมื่อคุณเลือกที่จะคบใคร อย่าหลอกตัวเอง ด้วยการเลือกคบที่บุคลิกภาพของเพื่อนคนนั้น แทนที่จะเป็นตัวตนของเค้า” เป็นคำพูดของ W. Somerset Maugham กวีชาวอังกฤษ
หลายต่อหลายคน คิดว่าการสร้าง Website ด้วยตัวเองนั้นเป็นเรื่องที่ยาก และเกินความสามารถของตน เพราะไม่มีความรู้ทางด้านนี้ ไม่เคยมีประสบการณ์การทำ Website มาก่อน หรือไม่มีคนรู้จักที่มีความรู้ความเข้าใจในการเขียน Website
ในอดีตสิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นเรื่องยาก เพราะการเขียน Website ต้อง Coding ด้วยตัวเองใน Notepad และนำขึ้นไป Run เพื่ออ่านผล แค่จะเปลี่ยน Background หรือเปลี่ยนสีตัวหนังสือ ยังต้องใช้ Code เฉพาะที่ค่อนข้างจะวุ่นวายเป็นอย่างมาก
แต่ในปัจจุบัน โปรแกรมสำหรับเขียน Website แบบ Dreamweaver ทำให้คุณสร้าง Website ได้ด้วยการลากวางได้ง่าย ไม่ต่างจากการทำ PowerPoint เลยทีเดียว ทำให้การสร้าง Website เป็นอะไรที่ใครๆก็สามารถทำได้สวยงามอย่างมืออาชีพ
อย่างไรก็ตามกลุ่มคนบางกลุ่มก็ยังคิดต่างออกไป และเลือกที่จะเขียน Website อยู่บน WordPress เนื่องจากในปัจจุบัน WordPress ขยายตัวเป็นอย่างมาก และใช้กันแพร่หลาย ทำให้มี Programmer เขียน Plugin (คล้ายกับ Application ใน iPhone หรือ Android) ทำให้การสร้าง Website บน WordPress อาจจะสะดวกสบายกว่า
2. คิดชื่อ Website
“ชื่อที่ดี เป็นที่หมายปองยิ่งกว่า ความร่ำรวย” เป็นคำพูดของ King Solomon พระราชาของ อาณาจักรอิสราเอลโบราณ
การตั้งชื่อ Website ของคุณ เป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่มีความสำคัญต่อธุรกิจของคุณ ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว โดยในระยะสั้นนั้น หากชื่อ Website ของคุณง่ายต่อการจดจำของลูกค้า Website ของคุณก็ดูจะไปได้สวย และถูกบอกต่อปากต่อปากได้อย่างง่ายดาย
ส่วนในระยะยาวนั้น ชื่อ จะบ่งบอกถึงความบุคลิก และตัวตนของ Website คุณ สิ่งที่คุณขายอาจจะโดนคนอื่นลอกเลียนแบบได้ คู่แข่งของคุณสามารถหาสินค้าที่คล้ายคลึงกับคุณมาขาย เพื่อแย่งลูกค้าของคุณได้ แต่สิ่งที่คู่แข่งของคุณเลียนแบบไม่ได้คือ ชื่อ หรือ Branding ที่มากับ Website ของคุณ มันแสดงถึงความน่าเชื่อถือ และความไว้วางใจของลูกค้าที่มีต่อคุณ เช่น ถ้าลูกค้าจะซื้อหนังสือใหม่ ก็จะคิดถึง amazon.com เป็นที่แรก หรือซื้อรองเท้า ก็จะนึกถึง zappo.com เป็นต้น
ฉะนั้น ขอให้คุณตั้งชื่อที่สั้น และพิมพ์ง่ายสื่อความหมายที่มีต่อสินค้าของคุณ ก็เพียงพอแล้ว
3. จด Domain
“ฉันไม่ใส่ชื่อของฉันลงไปในสิ่งที่ฉันไม่ได้ทำ” เป็นคำพูดของ Heidi Klum นักแสดง และนางแบบ ชาวเยอรมัน
การจด Domain คือการจดชื่อ Website ของคุณอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะต้องเป็นชื่อที่ไม่ซ้ำกับคนอื่น คุณคงจะไม่สามารถใช้ชื่อ hotmail.com หรือ msn.com ที่ซ้ำกับที่มีอยู่แล้วไม่ได้ หรือถ้าตั้งแต่ hotmailja.com ก็อาจจะดูประหลาดและยากที่จะจดจำก็เป็นได้
หากคุณต้องการ Check ดูว่า ชื่อ Website ที่คุณต้องการจะตั้งนั้นมีคนใช้อยู่แล้วหรือไม่ รวมถึงการจด Domain สามารถใช้บริการได้ที่ godaddy.com, enom.com และ tucows.com หรือจะใช้บริการจาก Website ของไทยก็ได้ ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกันออกไป
นอกจากนี้ หากชื่อ Website ที่คุณตั้งขึ้นมีคนใช้อยู่แล้ว แต่คุณต้องการใช้ชื่อนี้เป็นอย่างมาก ก็สามารถซื้อต่อนั้นๆ ต่อจากเจ้าของคนเก่าได้ในราคาตามที่กำหนดใน Website เช่นเดียวกัน
4. เช่า Host
“เมื่อปราศจากสหายผู้รู้ใจ คงไม่มีใครเลือกที่จะมีชีวิตอยู่ แม้เค้าจะมีทุกสิ่งอยู่ในกำมือ” เป็นคำพูดของ Aristotle นักปราชญ์ชาวกรีก ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของ Plato และอาจารย์ของ พระเจ้า Alexander the great
การเช่า Host เปรียบได้เหมือนกับ การซื้อ Hard Disk Drive (HD) ซักลูกหนึ่ง ซึ่งคุณก็ต้องคำนึงถึงพื้นที่ที่ HD จะเก็บได้ ถ้าคุณใช้งานน้อย ก็ไม่จำเป้นต้องซื้อ HD ที่มีความจุมาก แต่ถ้าใช้งานเยอะ เล่นเกม เก็บหนัง ตัดต่อรูป และใช้โปรแกรมที่เกี่ยวกับ Graphic เยอะๆ การซื้อ HD ที่มีความจุมากๆ ก็ดูจะเหมาะสม
การเช่า Host ก็เช่นเดียวกัน ในระยะแรกของการสร้าง ร้านค้าออนไลน์ คุณก็อาจจะเช่า Host ที่มีราคาถูก พื้นที่น้อย แต่ความปลอดภัยอาจจะไม่สูงนัก เพราะมันคุ้มค่าสำหรับคุณ จะเป็น Web Hosting สัญชาติไทย หรือจะเป็นของต่างชาติก็ได้ เช่น Bluehost.com หรือ Hostgator.com เป็นต้น
5. เขียน Content ลงใน Website ของคุณ
“เนื้อหามีความสำคัญยิ่งดั่งพระราชา” เป็นคำพูดของ Bill Gates นักธุรกิจเจ้าของ Microsoft ชาวอเมริกัน คุณอาจจะคิดว่า Website ของคุณเป็น ร้านค้าออนไลน์ ที่ใช้ขายสินค้า ทำไมจะต้องมาเขียนเนื้อหาเหมือนกับการเขียน Blog ด้วย มันทั้งเสียเวลาและดูเหมือนไม่ได้ช่วยให้คุณสร้างรายได้ขึ้นมาอีกต่างหาก แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร
ความเป็นจริงนั้นอาจจะ ตรงกันข้ามกับสิ่งที่คุณคิดเลยก็ได้ เนื้อหา หรือ Content ที่อยู่ใน Website ของคุณเป็นอีกหนึ่งใน จุดขายที่จะสร้างความแตกต่างให้กับ Website ของคุณ เช่น ถ้าคุณขายกระเป๋าหนัง มันคงจะดีถ้าคุณ แชร์ไอเดีย เกี่ยวกับวิธีการเก็บรักษา หรือทำความสะอาดกระเป๋าหนัง
ซึ่งทำให้ Website ของคุณมีมิติมากกว่า แค่จะพรากเงินในกระเป๋าของลูกค้า แต่คุณยังให้ความรู้กับเค้า และสร้างความน่าเชื่อถือ ให้กับ Website ของคุณ ว่าคุณเป็นผู้ที่รู้จริงเกี่ยวกับสินค้าที่คุณขาย และยังช่วยให้ อันดับการค้นหาใน Google ของ Website คุณ สูงขึ้นอย่างน่าตกใจด้วย
ไปหน้าแรก รายได้เสริมทำเงิน
อาชีพเสริม รายได้เสริม งานพิเศษ อาชีพอิสระ หารายได้พิเศษ หาเงิน งานออนไลน์ ธุรกิจออนไลน์ งานเสริม ธุรกิจน่าสนใจ
รายได้พิเศษ งานทำที่บ้าน งานพาสทาม