กระแสอาหารเพื่อสุขภาพ กำลังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคยุคปัจจุบันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทว่า ที่ผ่านมา เรื่องของความอร่อยมักอยู่ตรงข้ามกับคุณประโยชน์ทางโภชนาการเสมอ รวมถึง ภาพลักษณ์อาหารสุขภาพมักดูจำกัดเฉพาะเพื่อกลุ่มผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยเท่านั้น ทำให้เด็กรุ่นใหม่จำนวนมาก ไม่อยากหรือไม่ชอบจะกินอาหารสุขภาพ
ประเด็นดังกล่าว ถูกนำมาตีโจทย์เพื่อลดช่องว่าง ด้วยการหยิบ “ลูกเดือย” ธัญพืชที่รู้กันว่า มีคุณค่าทางสารอาหารสูง แปรรูปเป็นขนมคดเคี้ยวกินเล่น หรือ “สแน็ก” โดยปรุงรสชาติจัดจ้านแบบไทยๆ ผลิตด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่มาตรฐานส่งออก มาพร้อมรูปลักษณ์ และดีไซน์โดดเด่นสไตล์วัยรุ่น เพื่อให้เป็นขนมกินเล่นที่นอกจากจะอร่อยแล้วยังดีต่อสุขภาพ แถมให้ความรู้สึกเท่และทันสมัยอีกด้วย
สุชาย วัชอภัยกุล บริษัท บ้านธัญญาทิพย์ ออร์กานิก แอนด์ เฮลท์ตี้ฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย สแน็กลูกเดือย ตรา “นิวทรี เมท” (Nutri Mate) เล่าว่า เดิมบริษัทจะเน้นผลิตอาหารแปรรูปสุขภาพชนิดต่างๆ เพื่อส่งออกต่างประเทศ กระทั่ง เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา หันมาทำตลาดในประเทศมากขึ้น โดยพัฒนาการแปรรูปสแน็กลูกเดือยร่วมกับบริษัทต่างชาติแห่งหนึ่ง
“เราพยายามหาความเป็นไปได้ในทางธุรกิจ ที่จะทำให้อาหารเพื่อสุขภาพ ซึ่งส่วนใหญ่ผู้บริโภคจะเป็นกลุ่ม niche market จำกัดเฉพาะกลุ่มผู้รักสุขภาพ และผู้สูงอายุ ให้ขยายมาสู่กลุ่มผู้บริโภคทั่วไปทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่เด็กเล็ก วัยรุ่น จนถึงผู้ใหญ่ ดังนั้น เราจึงมองถึงการแปรรูปลูกเดือยในรูปแบบสแน็ก สามารถกินได้ง่ายๆ และตลาดยังกว้างมาก” สุชาย อธิบาย
เขา เสริมต่อว่า การนำธัญพืชอย่างลูกเดือยมาเจาะตลาดเป็นขนมกินเล่นนั้น พยายามจะสร้างความแปลกใหม่ให้แก่ลูกเดือย ด้วยการพัฒนารสชาติให้หลากหลายตรงใจคนรุ่นใหม่ เน้นเป็นรสชาติแบบไทยๆ ที่มีความจัดจ้าน เบื้องต้นได้แก่ รสสมุนไพรใส่ใบมะกรูด และรสต้มยำ
นอกจากนั้น ยังเสริมด้วยบรรจุภัณฑ์ที่ดูดี เบื้องต้นทำออกมาในรูปแบบขวดแก้วใสดูสะอาดปลอดภัย ขนาด 85 กรัม ราคา 75 บาท และเร็วๆ นี้ กำลังจะออกรูปแบบซอง ขนาด 14 กรัม ราคาซองละ 15 บาท เพื่อให้เหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่จะพกพาและกินได้ง่ายยิ่งขึ้น
“ผมต้องการขยายตลาดไปสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่มากยิ่งขึ้น โดยให้คนรุ่นใหม่อยากจะกินอาหารเพื่อสุขภาพ โดยไม่รู้สึกว่าต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคของตัวเอง ดังนั้น ขนมลูกเดือยกรอบของผม จะเป็นขนมที่คนรุ่นใหม่อยากจะกินเพราะมันอร่อยจริงๆ ขณะที่คุณประโยชน์ที่ได้มันเป็นผลพลอยได้ตามมา ไม่ต้องฝืนกินเพราะอยากได้สุขภาพดี อีกทั้ง เวลาถือกินก็ไม่รู้สึกว่าเชยด้วย” เจ้าของธุรกิจ ระบุ
ด้านการผลิต วัตถุดิบจะคัดสรรลูกเดือยคุณภาพดี ปลูกโดยปลอดสารพิษ และไม่เป็น GMO นำมาแปรรูปด้วยเทคโนโลยี “สเปรย์ ดราย” (Spray dry) ซึ่งเป็นการพ่นน้ำมันให้ลูกเดือยสุกกรอบ โดยไม่ต้องลงแช่ทอดในกระทะน้ำมัน ทำให้หมดปัญหาลูกเดือยอมน้ำมัน เกิดกลิ่นเหม็นหืด ส่วนเรื่องมาตรฐานโรงงานผลิต อยู่ในระดับคุณภาพส่งออก
ส่วนช่องทางตลาดนั้น สุชาย เผยว่า ปัจจุบัน จะผ่านทางร้านค้าอาหารเพื่อสุขภาพต่างๆ และในอนาคตอันใกล้ เตรียมจะนำสแน็กกรอบในรูปแบบซองไปวางขายตามร้านสะดวกซื้อเจ้าดัง และตามซูเปอร์มาร์เกตต่างๆ ทั่วประเทศ ควบคู่กับส่งออกไปต่างประเทศ
สุชาย เผยในตอนท้ายด้วยว่า ด้านการแข่งขัน ในท้องตลาดเวลานี้ มีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากลูกเดือยออกมาบ้าง แต่ยังไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้ผลิตสินค้าชุมชน และที่สำคัญ คือ แทบทุกรายยังเน้นนำเสนอลูกเดือยในภาพลักษณ์เป็นอาหารเพื่อสุขภาพเท่านั้น ดังนั้น ลูกเดือยกรอบ “นิวทรี เมท” จึงถือว่า ไม่มีคู่แข่งทางการค้าในประเทศโดยตรงเลย เพราะมีจุดยืนที่ต่างกันอย่างชัดเจน โดยฉีกมาเน้นเป็นผลิตภัณฑ์สแน็กเพื่อคนรุ่นใหม่นั่นเอง
ที่มา www.manager.co.th/SMEs/ViewNews.aspx?NewsID=9550000108848
ประเด็นดังกล่าว ถูกนำมาตีโจทย์เพื่อลดช่องว่าง ด้วยการหยิบ “ลูกเดือย” ธัญพืชที่รู้กันว่า มีคุณค่าทางสารอาหารสูง แปรรูปเป็นขนมคดเคี้ยวกินเล่น หรือ “สแน็ก” โดยปรุงรสชาติจัดจ้านแบบไทยๆ ผลิตด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่มาตรฐานส่งออก มาพร้อมรูปลักษณ์ และดีไซน์โดดเด่นสไตล์วัยรุ่น เพื่อให้เป็นขนมกินเล่นที่นอกจากจะอร่อยแล้วยังดีต่อสุขภาพ แถมให้ความรู้สึกเท่และทันสมัยอีกด้วย
สุชาย วัชอภัยกุล บริษัท บ้านธัญญาทิพย์ ออร์กานิก แอนด์ เฮลท์ตี้ฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย สแน็กลูกเดือย ตรา “นิวทรี เมท” (Nutri Mate) เล่าว่า เดิมบริษัทจะเน้นผลิตอาหารแปรรูปสุขภาพชนิดต่างๆ เพื่อส่งออกต่างประเทศ กระทั่ง เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา หันมาทำตลาดในประเทศมากขึ้น โดยพัฒนาการแปรรูปสแน็กลูกเดือยร่วมกับบริษัทต่างชาติแห่งหนึ่ง
“เราพยายามหาความเป็นไปได้ในทางธุรกิจ ที่จะทำให้อาหารเพื่อสุขภาพ ซึ่งส่วนใหญ่ผู้บริโภคจะเป็นกลุ่ม niche market จำกัดเฉพาะกลุ่มผู้รักสุขภาพ และผู้สูงอายุ ให้ขยายมาสู่กลุ่มผู้บริโภคทั่วไปทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่เด็กเล็ก วัยรุ่น จนถึงผู้ใหญ่ ดังนั้น เราจึงมองถึงการแปรรูปลูกเดือยในรูปแบบสแน็ก สามารถกินได้ง่ายๆ และตลาดยังกว้างมาก” สุชาย อธิบาย
เขา เสริมต่อว่า การนำธัญพืชอย่างลูกเดือยมาเจาะตลาดเป็นขนมกินเล่นนั้น พยายามจะสร้างความแปลกใหม่ให้แก่ลูกเดือย ด้วยการพัฒนารสชาติให้หลากหลายตรงใจคนรุ่นใหม่ เน้นเป็นรสชาติแบบไทยๆ ที่มีความจัดจ้าน เบื้องต้นได้แก่ รสสมุนไพรใส่ใบมะกรูด และรสต้มยำ
นอกจากนั้น ยังเสริมด้วยบรรจุภัณฑ์ที่ดูดี เบื้องต้นทำออกมาในรูปแบบขวดแก้วใสดูสะอาดปลอดภัย ขนาด 85 กรัม ราคา 75 บาท และเร็วๆ นี้ กำลังจะออกรูปแบบซอง ขนาด 14 กรัม ราคาซองละ 15 บาท เพื่อให้เหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่จะพกพาและกินได้ง่ายยิ่งขึ้น
“ผมต้องการขยายตลาดไปสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่มากยิ่งขึ้น โดยให้คนรุ่นใหม่อยากจะกินอาหารเพื่อสุขภาพ โดยไม่รู้สึกว่าต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคของตัวเอง ดังนั้น ขนมลูกเดือยกรอบของผม จะเป็นขนมที่คนรุ่นใหม่อยากจะกินเพราะมันอร่อยจริงๆ ขณะที่คุณประโยชน์ที่ได้มันเป็นผลพลอยได้ตามมา ไม่ต้องฝืนกินเพราะอยากได้สุขภาพดี อีกทั้ง เวลาถือกินก็ไม่รู้สึกว่าเชยด้วย” เจ้าของธุรกิจ ระบุ
ด้านการผลิต วัตถุดิบจะคัดสรรลูกเดือยคุณภาพดี ปลูกโดยปลอดสารพิษ และไม่เป็น GMO นำมาแปรรูปด้วยเทคโนโลยี “สเปรย์ ดราย” (Spray dry) ซึ่งเป็นการพ่นน้ำมันให้ลูกเดือยสุกกรอบ โดยไม่ต้องลงแช่ทอดในกระทะน้ำมัน ทำให้หมดปัญหาลูกเดือยอมน้ำมัน เกิดกลิ่นเหม็นหืด ส่วนเรื่องมาตรฐานโรงงานผลิต อยู่ในระดับคุณภาพส่งออก
ส่วนช่องทางตลาดนั้น สุชาย เผยว่า ปัจจุบัน จะผ่านทางร้านค้าอาหารเพื่อสุขภาพต่างๆ และในอนาคตอันใกล้ เตรียมจะนำสแน็กกรอบในรูปแบบซองไปวางขายตามร้านสะดวกซื้อเจ้าดัง และตามซูเปอร์มาร์เกตต่างๆ ทั่วประเทศ ควบคู่กับส่งออกไปต่างประเทศ
สุชาย เผยในตอนท้ายด้วยว่า ด้านการแข่งขัน ในท้องตลาดเวลานี้ มีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากลูกเดือยออกมาบ้าง แต่ยังไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้ผลิตสินค้าชุมชน และที่สำคัญ คือ แทบทุกรายยังเน้นนำเสนอลูกเดือยในภาพลักษณ์เป็นอาหารเพื่อสุขภาพเท่านั้น ดังนั้น ลูกเดือยกรอบ “นิวทรี เมท” จึงถือว่า ไม่มีคู่แข่งทางการค้าในประเทศโดยตรงเลย เพราะมีจุดยืนที่ต่างกันอย่างชัดเจน โดยฉีกมาเน้นเป็นผลิตภัณฑ์สแน็กเพื่อคนรุ่นใหม่นั่นเอง
ที่มา www.manager.co.th/SMEs/ViewNews.aspx?NewsID=9550000108848