งานอดิเรก คือ
สิ่งที่คุณทำในเวลาว่างเว้นจากภาระหน้าที่
มักเกิดจากความสนใจและความพอใจของผู้กระทำเป็นหลัก
ทั้งนี้นอกจากผู้ที่มีงานอดิเรกเป็นของตนเองจะได้ประโยชน์ในการเพิ่มพูนประสบการณ์แล้ว
ยังเป็นการเสริมสร้างทักษะในด้านต่างๆควบคู่ไปกับการได้ทำตามที่ใจของตนปรารถนาและยังสามารถผ่อนคลายความตึงเครียดจากการทำงานได้อีกด้วย
เป็นเรื่องจริงที่ว่างานอดิเรกนั้นต้องเป็นงานที่มีจุดประสงค์เพื่อสร้างความพึงพอใจและความสนุกสนานให้กับผู้ทำเป็นหลักมากกว่าการทำเพื่อหาผลตอบแทน
แต่คงจะเป็นเรื่องดีไม่น้อยถ้าหากคุณได้ทำงานที่คุณรักและมันยังสามารถสร้างรายได้เสริมให้กับคุณได้อีกด้วย
ยิ่งทุกวันนี้มีตัวอย่างเจ้าของกิจการที่ประสบความสำเร็จจากการเริ่มต้นใช้งานอดิเรกที่ตนชื่นชอบเป็นตัวสร้างรายได้ให้เห็นอยู่ไม่น้อย
ทำให้เจ้าของกิจการหลายๆคนต่างใฝ่ฝันจะพางานอดิเรกของตนเข้าสู่แวดวงธุรกิจบ้างเช่นกัน
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ใฝ่ฝันแบบนั้นและอยากทำให้งานอดิเรกของคุณประสบความสำเร็จกลายเป็นธุรกิจทำเงินแล้วล่ะก็
ต่อไปนี้คือข้อแนะนำสำหรับคุณก่อนจะพางานอดิเรกสุดรักเข้าสู่ระบบธุรกิจ
-
คุณต้องตั้งเป้าหมายที่ผลตอบแทนซึ่งคุณพึ่งได้
การตั้งเป้าหมายเกี่ยวกับผลตอบแทนจะเป็นสิ่งที่จะสร้างแรงบันดาลใจที่ดีที่สุดในการเปลี่ยนงานอดิเรกของคุณให้กลายเป็นธุรกิจ
อย่าลืมว่าไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการเริ่มต้นธุรกิจจากงานที่คุณรักเพราะนอกจากคุณจะมีความสุขที่ได้ทำมันแล้ว
คุณยังเป็นคนที่เข้าใจธรรมชาติของมัน
รวมไปถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีความชอบเหมือนๆกับคุณเป็นอย่างดี ดังนั้นเป้าหมายด้านผลตอบแทนของคุณอาจจะไม่ได้เริ่มจากการสร้างรายได้เสมอไป
บางทีการให้เปล่านั้นก็อาจจะพาเป้าหมายของคุณไปสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ก็ได้
ยกตัวอย่าง
นักเขียนนิยายชื่อดังหลายคนเริ่มต้นจากการแต่งนิยายของตนแล้วโพสต์ให้คนอ่านบนอินเตอร์เน็ตฟรีเป็นงานอดิเรก
พอเป็นที่นิยมของคนอ่านมากขึ้นก็จะมีการบอกต่อกัน
จนสำนักพิมพ์ใหญ่ๆสนใจและซื้อลิขสิทธิ์ไปตีพิมพ์เป็นรูปเล่มและจำหน่าย
ซึ่งทำให้นักเขียนเหล่านั้นสามารถสร้างชื่อเสียงและรายได้จากงานอดิเรกของตนได้ในที่สุด
- - วางแผนอย่างรอบคอบ
อย่าลืมเหตุผลที่คุณเอางานอดิเรกมาประกอบเป็นธุรกิจว่ามันเป็นสิ่งที่คุณรักและสนุกกับการที่ได้ทำ
คุณต้องถามตัวเองให้แน่ใจเสียก่อนว่า
งานอดิเรกที่คุณกำลังจะสร้างให้เป็นธุรกิจนั้นเป็นสิ่งที่คุณรักจะทำจริงหรือไม่
คุณรู้จักขั้นตอนและกลวิธีของมันดีแล้วหรือยัง
กลุ่มเป้าหมายที่คุณคาดหวังจะสนใจธุรกิจซึ่งเกิดจากงานอดิเรกของคุณหรือไม่
คุณทำมันได้ดีกว่าคู่แข่งหรือเปล่า ฯลฯ เหตุที่คุณต้องตอบคำถามมากมายก่อนวางแผน
เพราะการทำงานอดิเรกให้เป็นธุรกิจนั้นไม่ใช่ว่าจะสำเร็จเสมอไป
แถมยังไม่ต่างจากการพยายามเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ที่คุณต้องมาคำนึงถึงการตลาด
และผลกำไรที่จะได้รับไม่ใช่แค่ทำเพื่อผ่อนคลาย สร้างความสนุกสนานกับ ‘ผู้ร่วมอุดมการณ์’
เหมือนแต่ก่อน แต่กลายเป็นการทำงานร่วมกับ ‘ผู้ร่วมงานแทน’
หากคุณตอบคำถามเหล่านั้นได้แล้ว
คุณอาจใช้วิธีลองสำรวจดูก่อนว่ามีผู้ที่ผลิตสินค้าเดียวกับคุณอยู่ในตลาดมากแค่ไหน
สินค้าของเขามีคุณภาพ หน้าตาเป็นอย่างไร และลูกค้ามีกระแสตอบรับกับสินค้าเหล่านั้นดีหรือไม่
เพื่อวางแผนการตลาดไว้ล่วงหน้า
-
- ประเมินตนเองให้ดี
การทำงานอดิเรกให้เป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความสามารถของคุณโดยตรง
คุณจึงต้องประเมินตนเองให้ดีว่าความสามารถของคุณนั้นเพียงพอที่จะทำให้ลูกค้ายอมเสียเงินมาซื้อสินค้าและบริการของคุณแล้วหรือยัง
นอกจากนี้คุณต้องแน่ใจว่าคุณพร้อมจะทุ่มเทความพยายามให้กับมันอย่างแท้จริง
ซึ่งธุรกิจซึ่งเกิดจากงานอดิเรกนั้นแตกต่างจากกระบวนการของงานอดิเรกจริงๆอย่างสิ้นเชิง
เพราะถ้าคุณอยากทำคุณก็เริ่มทำ และถ้าเกิดเบื่องานอดิเรกนั้นขึ้นมาคุณก็แค่เลิก
แต่ถ้าคิดจะทำให้มันเป็นธุรกิจแล้วล่ะก็คุณก็ไม่สามารถจะเลิกมันได้ง่ายๆ
เพราะคุณได้ลงทุนไปแล้วเป็นจำนวนเงินไม่น้อย
ถ้าเลิกกลางคันเท่ากับว่าคุณต้องสูญเงินจำนวนนั้นไปโดยเปล่าประโยชน์
-
- มองการณ์ไกล
แม้ว่าจุดประสงค์หลักของการทำงานอดิเรกจะคือการทำตามสิ่งที่ชอบโดยไม่ได้เน้นเรื่องรายได้ก็ตาม
แต่ในเมื่อคุณคิดจะทำมันให้กลายเป็นธุรกิจแล้วคุณก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าคุณทำไปโดยไม่หวังรายได้
ดังนั้นคุณจึงจำเป็นต้องวิเคราะห์การได้มาซึ่งรายได้ดังกล่าวนั้นให้ดี เพราะจากนี้เรื่องผลกำไรหรือการขาดทุนจะเข้ามามีบทบาทกับงานอดิเรกของคุณ
และแม้ว่าคุณจะเริ่มต้นด้วยธุรกิจขนาดเล็กแต่ก็ควรมองให้ไกลว่าคุณจะสามารถขยายกิจการไปในทางใดได้บ้าง
ผู้ที่ประกอบธุรกิจลักษณะนี้มักไม่ค่อยคิดถึงการต่อยอด
ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจที่เกิดจากงานอดิเรกนั้นไม่เติบโตเท่าที่ควร
ยกตัวอย่างเช่น
สินค้าและบริการประจำท้องถิ่นแต่เดิมนั้นจะขายได้เพียงในถิ่นฐานของตนและนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมเท่านั้น
อย่างเก่งก็ส่งไปขายในพื้นที่ใกล้เคียง แต่เมื่อเกิดมีโครงการ OTOP ขึ้นมา
ก็ทำให้สินค้าและเหล่านั้นเป็นที่แพร่หลาย และสามารถส่งไปจำหน่ายยังที่อื่นๆทั้งในและนอกประเทศได้
ทำให้กิจการในท้องถิ่นเจริญเติบโตขึ้นแทนที่จะจำกัดอยู่ในท้องที่เหมือนแต่ก่อน
-
- สร้างความโดดเด่นและแตกต่าง
ยิ่งสร้างความแตกต่างได้มากไหร่ก็ยิ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ผู้บริโภคตระหนักได้มากเท่านั้น
ถือเป็นจุดขายที่สำคัญที่สุดที่จะดึงดูดให้กลุ่มเป้าหมายมาสนใจงานอดิเรกที่เป็นสินค้าและบริการของคุณไม่ต่างจากการสร้างความโดดเด่นแตกต่างในการเริ่มต้นธุรกิจทั่วไปเลย
ยิ่งคุณสร้างความแตกต่างได้มากไหร่คุณก็ยิ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ผู้บริโภคตระหนักได้ว่าเขาจำเป็นที่จะต้องซื้อสินค้าและบริการจากคุณเท่านั้น
นับว่าเป็นปัจจัยที่ชี้ชะตาระหว่างคุณกับคู่แข่งเลยทีเดียว
ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จึงให้ความกับการสร้างความแตกต่างเพื่อให้กิจการของตนมีความเป็นเอกลักษณ์
แต่ทั้งนี้หากความแตกต่างของคุณมาจากการที่คุณขายตัดราคาแล้วล่ะก็
พนันได้ว่าอีกไม่นานคุณก็คงต้องกลับไปทำงานประจำอย่างแน่นอน
เพราะถึงคุณจะสร้างยอดขายได้มากกว่าคู่แข่งก็จริง
แต่กำไรที่น้อยไปจนถึงการขาดทุนจากการตัดราคาก็อาจส่งผลให้คุณอยู่ในกิจการไม่ได้นานเช่นกัน
-
- จงสนุกกับมันเหมือนเป็นงานอดิเรกอยู่เสมอ
แม้ว่าการจัดตั้งเป็นองค์กรทางธุรกิจจะเพิ่มหน้าที่ให้กับคุณมากกว่าการทำงานอดิเรกเหมือนแต่ก่อน
แต่อย่าลืมว่าเหตุผลที่คุณเอางานอดิเรกมาประกอบเป็นธุรกิจหลักนั้นเกิดจากการที่คุณรักและสนุกกับการที่ได้ทำมัน
หากวันหนึ่งถ้าคุณมองว่ามันไม่สนุกเสียแล้ว ความสุขที่คุณเคยได้รับก็จะหายไป
กิจการที่ทำอยู่ก็จะไม่แตกต่างจากงานก่อนๆที่คุณทำเพราะมันเป็นหน้าที่มากกว่าจะทำเพราะชอบมัน
ดังที่ได้กล่าวไปว่างานอดิเรกเกิดจากความพึงพอใจของผู้กระทำเป็นหลัก
ในขณะที่ก็เป็นที่รู้กันว่าการจัดตั้งกิจการนั้นก็นำมาซึ่งภาระหน้าที่มิใช่น้อย
แม้สองสิ่งนั้นจะขัดกันอย่างสิ้นเชิง แต่ถ้าคุณสามารถผนวกมันเข้าด้วยกัน
รับรองได้ว่าการเริ่มต้นกิจการจากงานอดิเรกที่คุณรักก็จะกลายเป็นเรื่องน่าสนุกที่สร้างรายได้แถมให้คุณอย่างแน่นอน
ไปหน้าแรก อาชีพอิสระอาชีพเสริมน่าสนใจ
ที่มาบทความ http://incquity.com/articles/startup/make-money-hobby