แนะแนวสำหรับคนตกงานและคนที่กำลังมองหาอาชีพเสริม เริ่มต้นอย่างไรในตลาดนัด
ปัญหาของการตกงานของคนจำนวนมากเริ่มกลับมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ต่างจากเมื่อสิบปีที่ผ่านมาตรงที่เรามีเครื่องมือของภาครัฐมากมายเข้ามาโอบอุ้ม ไม่ว่าจะเป็นการคุกเข่าขอร้องให้ไปอบรม และจ่ายค่าอบรมเป็นรายเดือน เพื่อสับเปลี่ยนแรงงานที่มีความชำนาญในด้านหนึ่งไปสู่ภาคที่แรงงานขาดแคลน อีกด้านหนึ่ง การอบรมเพื่อไปเป็นนายตัวเอง และอีกหลากหลายที่เกิดขึ้นในช่วงปีนี้ ธุรกิจประเภทเปิดท้ายขายของอาจจะไม่แปลกหรือน่าตื่นเต้นเหมือนเมื่อก่อน
แต่ที่น่าแปลกก็คือถึงตอนนี้ก็ยังมีคนตั้งคำถามว่า หากตกงานจะขายอะไรดี และจะเริ่มต้นอย่างไร…ขายข้าว อาหาร ได้หรือไม่ ขายกิฟต์ช็อป จะขายให้ใคร แม่ค้าเท่านั้นที่จะเข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างดี
ปรับเปลี่ยนตามเศรษฐกิจ
คนที่เปิดแผงจิวเวลรี่มานานอย่างคุณนิล แนะนำว่า เธอหมุนเวียนตามตลาดนัดอาทิตย์ละ 3 แห่ง เริ่มทำมาตั้งแต่เมื่อปี 2540 จนกระทั่งตอนนี้และล่าสุดคือ ขายที่ตลาดกลางวัน ตึกซันทาวเวอร์ เธอว่าการเริ่มต้นของคนที่ไม่ประสาเรื่องการขายของ สิ่งสำคัญก็คือการปรับตัวอยู่เสมอ มองหาสินค้าใหม่ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในตอนนั้น
คุณนิลเล่าว่า ตอนแรกเมื่อสิบปีที่ผ่านมา เริ่มต้นที่สินค้าประเภทเปิดท้ายนำของเก่ามาขาย แต่พอทำไปสักพักก็ต้องเปลี่ยน เพราะคนสนใจน้อยลงและเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวพอดี จึงลองปรับเปลี่ยนสินค้าที่แตกต่างไปจากเดิม
“ต้องมาตั้งหลักดูว่า เราพอจะขายได้หรือไม่และควรจะเริ่มขายแบบไหน”
ตั้งต้นที่จิวเวลรี่ เธอว่า ตอนที่จับจิวเวลรี่นั้น คนเริ่มมองสินค้าที่มีมูลค่า จึงมองหาจิวเวลรี่เป็นชุดขายให้กับตลาดของภาคราชการและภาคเอกชน แต่พอในระยะนี้ ตนเริ่มมองหาสินค้าราคาต่ำลง เพื่อให้สินค้าออกตัวได้ง่ายขึ้น ตอนที่ตัดสินใจขายจิวเวลรี่ พอดีกับที่บริษัทผู้ผลิตจิวเวลรี่ ส่งออกก็มองหาช่องทางระบายสต๊อกในเมืองไทยพอดี จึงได้ ตัดสินใจนำมาเปิดแผงขาย
“เมื่อก่อนอาจจะขายได้ราคาชุดหนึ่ง ได้กำไรมากว่า 100-300 บาท แต่พอปีสองปีมานี้ ดูจากพฤติกรรมคนซื้อที่มาจับแต่ไม่ซื้อ ถามๆ แล้วก็ไปบอกว่า สวย แต่ก็ไม่ซื้อ แสดงว่าเขาอยากได้ แต่ไม่มีเงิน จึงค่อยๆ ปรับตัว มองหาสินค้าที่ลูกค้า ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น”
อย่างสินค้าจิวเวลรี่ที่ขายในตอนนี้ ราคาที่อื่นอาจจะขายที่ 199 บาท แต่เธอว่าขายที่ 79 บาท และ 99 บาท และถ้าซื้อสองคู่ก็จะลดราคาให้อีก ทำให้ลูกค้าตัดสินใจง่ายขึ้น ตรงนี้ คนขายต้องหัดสังเกตและปรับตัวอยู่เสมอๆ นอกจากนี้ลูกค้าประจำจะต้องดูแลอย่างดี มีการบริการหลังการขาย ลูกค้าสามารถเอามาเปลี่ยนได้
ตรงนี้ต้องมีแผงที่ประจำ เช่นถ้าจะขายตามตลาดนัด อาคารสำนักงานก็จะต้องมีที่ประจำ ไปใช่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ อาทิตย์หนึ่งอาจจะมี 3 ที่เพื่อให้ลูกค้าจำได้และมั่นใจที่จะซื้อมากขึ้น
ในเรื่องการจัดสรรเงิน สำหรับผู้ประกอบการรายย่อยไม่ควรนำมาปนเปกัน ควรจะแบ่งส่วนที่จะเก็บและใช้ออก จากกัน เช่นถ้ามีเงินในส่วนของการลงทุน จะต้องกันไว้และแยกส่วนจากที่กำไร ใช้จ่ายเท่าที่มีกำไร ห้ามนำเอารายได้ส่วนที่เก็บมาใช้แล้ว เมื่อเราทำไปนานเข้า การลงทุนจะน้อยลง เพราะซื้อแค่ของเติมเข้ามา กำไรส่วนต่างจะมากขึ้น ที่สำคัญห้ามนำเงินที่กันไว้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนอื่นมาใช้เด็ดขาด
สินค้า…ต่างได้แต่อย่ามาก
ด้านคุณศิริพร แม่ค้า ฝั่งการบินไทย รายนี้แนะนำว่าตอนนี้บรรยากาศหลังการบินไทยส่วนใหญ่จะเป็นการเซ้งต่อๆ กัน ซึ่งก็ทำให้คนที่จะเข้าไปเซ้งร้านหรือหาทำเลดีๆ ค่อนข้างยาก และทำกำไรก็ยากด้วยเช่นกัน ส่วนกำลังซื้อส่วนใหญ่มาจากที่อื่นๆ แต่คนการบินไทยเองไม่ค่อยได้มาจับจ่าย โดยเฉพาะแอร์จากบินไทย เพราะเป็นคนที่นำสินค้าเข้ามาเองหรือซื้อจากต่างประเทศมาแล้ว
ส่วนสินค้าที่จะนำมาขายสำหรับตลาดลุงเพิ่มการบินไทย ลูกค้าค่อนข้างมีเงินและเป็นตลาดที่ติดแล้ว สินค้าส่วนใหญ่ที่จำหน่ายที่นี่อยู่ในหมวดของเสื้อผ้ารองเท้ากระเป๋าเท่านั้น นอกจากนี้คนที่มาเดินแตกต่างตรงที่เป็น คนหน้าเดิมๆ มาทุกวัน ถ้าไม่มีสินค้าใหม่ เขาก็จะเบื่อและหายไป
ส่วนคนที่มองหาสินค้าที่แตกต่างไปเลยเธอว่าขายยาก เพราะที่นี่คนที่มาคาดหวังจะมาดูเสื้อผ้า รองเท้ากระเป๋า โดยส่วนใหญ่ ถ้าสินค้าที่แตกต่างเกินไปก็จะอยู่ไม่ได้ เจ้าของพื้นที่แนะ ขายอย่างมีสติ
สำหรับเจ้าของพื้นที่อย่างซันทาวเวอร์ รายเก๋าเปิดมานับสิบปี วัลลภ วีระพล ผู้จัดการ ทั่วไป แนะนำว่า ผู้เช่าต้องระมัดระวังเรื่องสินค้าที่ขายและระวังเรื่องมิจฉาชีพ
สิ่งที่เกิดขึ้นคือทรัพย์สินหาย ส่วนหนึ่งมาจากมิจฉาชีพ คนเหล่านี้ทำงานเป็นทีม ผู้ประกอบการต้องระมัดระวัง เพราะบางครั้งเอาไปไว้ใต้โต๊ะก็ยังหาย เนื่องจากมิจฉาชีพมักจะทำกันเป็นทีม มีผู้ใหญ่ซื้อด้านบน ส่วนเด็กจะมุดเข้าไปด้านล่าง อีกสองคนคอยกัน ผู้ประกอบการจะต้องระวังทรัพย์สินของตัวเองอีกด้วย แต่อย่างไรก็ดี ในส่วนของซันทาวเวอร์เองก็จะมีมาตรการ ที่ให้เจ้าหน้าที่ของตึกและตำรวจนอกเครื่องแบบ แฝงตัวมาคอยดูแลไปพร้อมกันเป็นการป้องกันในอีกทางหนึ่ง
ในส่วนของการคัดสรรสินค้านายวัลลภแนะว่า ผู้ประกอบการจะต้องคอยระวังสินค้าที่ไม่ควรนำมาจำหน่าย เช่น สินค้าผิดกฎหมายทุกประเภท สินค้าอันตราย พุ ไฟ ประทัด โดยเฉพาะช่วงใกล้เทศกาลรวมไปถึงปืนลมประเภทต่างๆ และของละเมิดลิขสิทธิ์อีกด้วย
บางทีผู้ประกอบการไปซื้อสินค้าที่โบ๊เบ๊ ก็ไม่รู้ว่าเป็นสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ รับเสื้อโดเรมอนมาจำหน่าย โดยไม่รู้ว่า โดเรมอนมีลิขสิทธิ์ หรือสินค้าประเภทกระเป๋า รองเท้า ของก๊อบปี้แบรนด์ดัง ควรระวังต้องเรียนรู้ว่าอะไรขายได้หรือไม่ได้ แน่นอนว่าตอนนี้มีคนตกงานจำนวนมาก และตลาดนัดก็เป็นอีกช่องทางทำเอาคนตกงานตกม้าตายมาแล้วจำนวนไม่น้อย
ขอบคุณเนื้อหาเกี่ยวกับอาชีพโดย
ไปหน้าแรก อาชีพเสริมรายได้ดี
ปัญหาของการตกงานของคนจำนวนมากเริ่มกลับมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ต่างจากเมื่อสิบปีที่ผ่านมาตรงที่เรามีเครื่องมือของภาครัฐมากมายเข้ามาโอบอุ้ม ไม่ว่าจะเป็นการคุกเข่าขอร้องให้ไปอบรม และจ่ายค่าอบรมเป็นรายเดือน เพื่อสับเปลี่ยนแรงงานที่มีความชำนาญในด้านหนึ่งไปสู่ภาคที่แรงงานขาดแคลน อีกด้านหนึ่ง การอบรมเพื่อไปเป็นนายตัวเอง และอีกหลากหลายที่เกิดขึ้นในช่วงปีนี้ ธุรกิจประเภทเปิดท้ายขายของอาจจะไม่แปลกหรือน่าตื่นเต้นเหมือนเมื่อก่อน
แต่ที่น่าแปลกก็คือถึงตอนนี้ก็ยังมีคนตั้งคำถามว่า หากตกงานจะขายอะไรดี และจะเริ่มต้นอย่างไร…ขายข้าว อาหาร ได้หรือไม่ ขายกิฟต์ช็อป จะขายให้ใคร แม่ค้าเท่านั้นที่จะเข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างดี
ปรับเปลี่ยนตามเศรษฐกิจ
คนที่เปิดแผงจิวเวลรี่มานานอย่างคุณนิล แนะนำว่า เธอหมุนเวียนตามตลาดนัดอาทิตย์ละ 3 แห่ง เริ่มทำมาตั้งแต่เมื่อปี 2540 จนกระทั่งตอนนี้และล่าสุดคือ ขายที่ตลาดกลางวัน ตึกซันทาวเวอร์ เธอว่าการเริ่มต้นของคนที่ไม่ประสาเรื่องการขายของ สิ่งสำคัญก็คือการปรับตัวอยู่เสมอ มองหาสินค้าใหม่ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในตอนนั้น
คุณนิลเล่าว่า ตอนแรกเมื่อสิบปีที่ผ่านมา เริ่มต้นที่สินค้าประเภทเปิดท้ายนำของเก่ามาขาย แต่พอทำไปสักพักก็ต้องเปลี่ยน เพราะคนสนใจน้อยลงและเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวพอดี จึงลองปรับเปลี่ยนสินค้าที่แตกต่างไปจากเดิม
“ต้องมาตั้งหลักดูว่า เราพอจะขายได้หรือไม่และควรจะเริ่มขายแบบไหน”
ตั้งต้นที่จิวเวลรี่ เธอว่า ตอนที่จับจิวเวลรี่นั้น คนเริ่มมองสินค้าที่มีมูลค่า จึงมองหาจิวเวลรี่เป็นชุดขายให้กับตลาดของภาคราชการและภาคเอกชน แต่พอในระยะนี้ ตนเริ่มมองหาสินค้าราคาต่ำลง เพื่อให้สินค้าออกตัวได้ง่ายขึ้น ตอนที่ตัดสินใจขายจิวเวลรี่ พอดีกับที่บริษัทผู้ผลิตจิวเวลรี่ ส่งออกก็มองหาช่องทางระบายสต๊อกในเมืองไทยพอดี จึงได้ ตัดสินใจนำมาเปิดแผงขาย
“เมื่อก่อนอาจจะขายได้ราคาชุดหนึ่ง ได้กำไรมากว่า 100-300 บาท แต่พอปีสองปีมานี้ ดูจากพฤติกรรมคนซื้อที่มาจับแต่ไม่ซื้อ ถามๆ แล้วก็ไปบอกว่า สวย แต่ก็ไม่ซื้อ แสดงว่าเขาอยากได้ แต่ไม่มีเงิน จึงค่อยๆ ปรับตัว มองหาสินค้าที่ลูกค้า ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น”
อย่างสินค้าจิวเวลรี่ที่ขายในตอนนี้ ราคาที่อื่นอาจจะขายที่ 199 บาท แต่เธอว่าขายที่ 79 บาท และ 99 บาท และถ้าซื้อสองคู่ก็จะลดราคาให้อีก ทำให้ลูกค้าตัดสินใจง่ายขึ้น ตรงนี้ คนขายต้องหัดสังเกตและปรับตัวอยู่เสมอๆ นอกจากนี้ลูกค้าประจำจะต้องดูแลอย่างดี มีการบริการหลังการขาย ลูกค้าสามารถเอามาเปลี่ยนได้
ตรงนี้ต้องมีแผงที่ประจำ เช่นถ้าจะขายตามตลาดนัด อาคารสำนักงานก็จะต้องมีที่ประจำ ไปใช่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ อาทิตย์หนึ่งอาจจะมี 3 ที่เพื่อให้ลูกค้าจำได้และมั่นใจที่จะซื้อมากขึ้น
ในเรื่องการจัดสรรเงิน สำหรับผู้ประกอบการรายย่อยไม่ควรนำมาปนเปกัน ควรจะแบ่งส่วนที่จะเก็บและใช้ออก จากกัน เช่นถ้ามีเงินในส่วนของการลงทุน จะต้องกันไว้และแยกส่วนจากที่กำไร ใช้จ่ายเท่าที่มีกำไร ห้ามนำเอารายได้ส่วนที่เก็บมาใช้แล้ว เมื่อเราทำไปนานเข้า การลงทุนจะน้อยลง เพราะซื้อแค่ของเติมเข้ามา กำไรส่วนต่างจะมากขึ้น ที่สำคัญห้ามนำเงินที่กันไว้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนอื่นมาใช้เด็ดขาด
สินค้า…ต่างได้แต่อย่ามาก
ด้านคุณศิริพร แม่ค้า ฝั่งการบินไทย รายนี้แนะนำว่าตอนนี้บรรยากาศหลังการบินไทยส่วนใหญ่จะเป็นการเซ้งต่อๆ กัน ซึ่งก็ทำให้คนที่จะเข้าไปเซ้งร้านหรือหาทำเลดีๆ ค่อนข้างยาก และทำกำไรก็ยากด้วยเช่นกัน ส่วนกำลังซื้อส่วนใหญ่มาจากที่อื่นๆ แต่คนการบินไทยเองไม่ค่อยได้มาจับจ่าย โดยเฉพาะแอร์จากบินไทย เพราะเป็นคนที่นำสินค้าเข้ามาเองหรือซื้อจากต่างประเทศมาแล้ว
ส่วนสินค้าที่จะนำมาขายสำหรับตลาดลุงเพิ่มการบินไทย ลูกค้าค่อนข้างมีเงินและเป็นตลาดที่ติดแล้ว สินค้าส่วนใหญ่ที่จำหน่ายที่นี่อยู่ในหมวดของเสื้อผ้ารองเท้ากระเป๋าเท่านั้น นอกจากนี้คนที่มาเดินแตกต่างตรงที่เป็น คนหน้าเดิมๆ มาทุกวัน ถ้าไม่มีสินค้าใหม่ เขาก็จะเบื่อและหายไป
ส่วนคนที่มองหาสินค้าที่แตกต่างไปเลยเธอว่าขายยาก เพราะที่นี่คนที่มาคาดหวังจะมาดูเสื้อผ้า รองเท้ากระเป๋า โดยส่วนใหญ่ ถ้าสินค้าที่แตกต่างเกินไปก็จะอยู่ไม่ได้ เจ้าของพื้นที่แนะ ขายอย่างมีสติ
สำหรับเจ้าของพื้นที่อย่างซันทาวเวอร์ รายเก๋าเปิดมานับสิบปี วัลลภ วีระพล ผู้จัดการ ทั่วไป แนะนำว่า ผู้เช่าต้องระมัดระวังเรื่องสินค้าที่ขายและระวังเรื่องมิจฉาชีพ
สิ่งที่เกิดขึ้นคือทรัพย์สินหาย ส่วนหนึ่งมาจากมิจฉาชีพ คนเหล่านี้ทำงานเป็นทีม ผู้ประกอบการต้องระมัดระวัง เพราะบางครั้งเอาไปไว้ใต้โต๊ะก็ยังหาย เนื่องจากมิจฉาชีพมักจะทำกันเป็นทีม มีผู้ใหญ่ซื้อด้านบน ส่วนเด็กจะมุดเข้าไปด้านล่าง อีกสองคนคอยกัน ผู้ประกอบการจะต้องระวังทรัพย์สินของตัวเองอีกด้วย แต่อย่างไรก็ดี ในส่วนของซันทาวเวอร์เองก็จะมีมาตรการ ที่ให้เจ้าหน้าที่ของตึกและตำรวจนอกเครื่องแบบ แฝงตัวมาคอยดูแลไปพร้อมกันเป็นการป้องกันในอีกทางหนึ่ง
ในส่วนของการคัดสรรสินค้านายวัลลภแนะว่า ผู้ประกอบการจะต้องคอยระวังสินค้าที่ไม่ควรนำมาจำหน่าย เช่น สินค้าผิดกฎหมายทุกประเภท สินค้าอันตราย พุ ไฟ ประทัด โดยเฉพาะช่วงใกล้เทศกาลรวมไปถึงปืนลมประเภทต่างๆ และของละเมิดลิขสิทธิ์อีกด้วย
บางทีผู้ประกอบการไปซื้อสินค้าที่โบ๊เบ๊ ก็ไม่รู้ว่าเป็นสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ รับเสื้อโดเรมอนมาจำหน่าย โดยไม่รู้ว่า โดเรมอนมีลิขสิทธิ์ หรือสินค้าประเภทกระเป๋า รองเท้า ของก๊อบปี้แบรนด์ดัง ควรระวังต้องเรียนรู้ว่าอะไรขายได้หรือไม่ได้ แน่นอนว่าตอนนี้มีคนตกงานจำนวนมาก และตลาดนัดก็เป็นอีกช่องทางทำเอาคนตกงานตกม้าตายมาแล้วจำนวนไม่น้อย
ขอบคุณเนื้อหาเกี่ยวกับอาชีพโดย
ไปหน้าแรก อาชีพเสริมรายได้ดี