![]() |
เป็น Voice Over Artist |
เป็น Voice Over Artist: เสียงสร้างเงินจากที่บ้าน สู่การเป็นอาชีพเสริมที่กำลังมาแรง
ในยุคที่ Content มีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอ YouTube,
Podcast, โฆษณา, Audiobook, E-learning, หรือแม้แต่ระบบ
IVR (Interactive Voice Response) ของ Call Center
"เสียง"
มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการสื่อสารและสร้างอารมณ์ร่วม นั่นทำให้ "Voice
Over Artist" หรือนักพากย์เสียง/ผู้ให้เสียงบรรยาย
กลายเป็นที่ต้องการอย่างมาก และเป็น อาชีพเสริม ที่น่าสนใจและสามารถสร้าง รายได้เสริม
ได้อย่างดีเยี่ยม โดยที่คุณสามารถทำงานได้จากที่บ้าน
หากคุณมีน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ สามารถปรับโทนเสียงได้หลากหลาย
และมีทักษะการพูดที่ดี บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกถึงโอกาสและแนวทางในการเริ่มต้นอาชีพนี้
เพื่อทำเงินจากเสียงของคุณ
ทำไมการเป็น
Voice Over Artist จึงเป็นอาชีพเสริมที่น่าสนใจ?
การเป็น Voice Over Artist เป็น อาชีพเสริม ที่มีศักยภาพสูงด้วยเหตุผลดังนี้:
- ความต้องการสูงและหลากหลาย: ทุกธุรกิจและ Content Creator ต้องการเสียงสำหรับ Content
ของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นโฆษณา, วิดีโออธิบายสินค้า,
พอดคาสต์, E-learning, หรือแม้แต่เสียงรอสาย
- ตลาดเติบโตต่อเนื่อง: อุตสาหกรรม Content Digital และ E-learning กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ความต้องการ Voice Over Artist เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
- ค่าตอบแทนดี: การให้เสียงต้องใช้ทักษะการอ่าน, การควบคุมเสียง, และการสื่ออารมณ์
ทำให้สามารถเรียกค่าบริการได้สูง
โดยเฉพาะสำหรับงานที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง
- ทำงานได้จากที่บ้าน: คุณสามารถบันทึกเสียงจากสตูดิโอส่วนตัวที่บ้าน
ทำให้มีความยืดหยุ่นสูง ไม่ต้องเดินทาง ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย
เหมาะสำหรับการเป็น รายได้เสริม
- ได้ใช้ Passion:
หากคุณรักการพูด การแสดง หรือการเล่าเรื่อง
นี่คือโอกาสที่คุณจะได้ใช้ Passion ของคุณในการสร้างรายได้
ทักษะและอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับ
Voice Over Artist
การเป็น Voice Over Artist ที่ประสบความสำเร็จนั้น
ต้องการทักษะทั้งด้านเสียงและเทคนิคการบันทึก:
- ทักษะการใช้เสียง:
- น้ำเสียงที่น่าฟัง: ชัดเจน, มีพลัง, น่าเชื่อถือ,
หรือมีเสน่ห์ตามแต่ละงาน
- การควบคุมโทนเสียงและอารมณ์: สามารถปรับโทนเสียง, จังหวะ, และน้ำเสียงให้เหมาะสมกับบทบาทและ
Mood & Tone ของ Content นั้นๆ
(เช่น เสียงโฆษณา, เสียงบรรยายสารคดี, เสียงตัวการ์ตูน)
- การออกเสียงชัดเจน: ออกเสียงพยัญชนะ สระ
และวรรณยุกต์ได้อย่างถูกต้องและชัดเจน
- การหายใจและการควบคุมลมหายใจ: เพื่อให้เสียงต่อเนื่องและไม่ติดขัด
- การอ่าน Script:
สามารถอ่าน Script ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ไม่เหมือนอ่าน
- ทักษะการบันทึกและตัดต่อเสียงพื้นฐาน:
- สามารถใช้โปรแกรมบันทึกเสียงพื้นฐาน
(เช่น Audacity - ฟรี)
- สามารถตัดต่อเสียงเบื้องต้นได้
เช่น การตัดเสียงรบกวน, การปรับระดับเสียง
- อุปกรณ์ที่จำเป็น:
- ไมโครโฟนคุณภาพดี: (สำคัญที่สุด!) อาจเป็นไมโครโฟน Condenser
แบบ USB หรือ XLR (พร้อม Audio Interface) เพื่อให้ได้เสียงที่คมชัดและเป็นมืออาชีพ
- หูฟัง Monitor:
สำหรับฟังเสียงตัวเองและตรวจสอบคุณภาพเสียงขณะบันทึก
- คอมพิวเตอร์/แล็ปท็อปประสิทธิภาพดี: เพื่อรองรับโปรแกรมบันทึกเสียง
- โปรแกรมบันทึกและตัดต่อเสียง: Audacity (ฟรี), Adobe Audition,
Reaper
- พื้นที่สำหรับบันทึกเสียง (Home Studio):
ควรเป็นห้องที่เงียบสงบ มีการดูดซับเสียงที่ดี (อาจใช้ผ้าม่าน,
ฟองน้ำซับเสียงง่ายๆ) เพื่อลดเสียงสะท้อนและเสียงรบกวนจากภายนอก
เริ่มต้นสร้างรายได้จากการเป็น
Voice Over Artist: เสียงสร้างเงินจากที่บ้าน
การเริ่มต้นในฐานะ Voice Over Artist เพื่อสร้าง อาชีพเสริม
และ รายได้เสริม มีขั้นตอนดังนี้:
- 1. ฝึกฝนและสร้าง Demo Reel ที่โดดเด่น:
- ฝึกอ่าน Script ที่หลากหลาย: ลองอ่าน Script โฆษณา, บทบรรยายสารคดี,
บทพูดตัวละคร, หรือ Story
Telling ที่คุณชอบ
- สร้าง Demo Reel (ตัวอย่างเสียง): อัดเสียงตัวเองอ่าน Script ที่หลากหลายสไตล์และคุณภาพดีที่สุดของคุณ
ความยาวรวมไม่ควรเกิน 1-2 นาที แบ่งเป็นช่วงสั้นๆ
- แพลตฟอร์มสำหรับ Demo:
อัปโหลด Demo Reel ลงบน Soundcloud,
YouTube, หรือเว็บไซต์ส่วนตัวของคุณ
- 2. กำหนดบริการและราคา:
- ประเภทบริการ: ให้เสียงโฆษณา, เสียงบรรยาย (Narration) สำหรับวิดีโอ/E-learning, เสียงตัวละคร,
เสียง IVR, เสียง Podcast
Intro/Outro
- รูปแบบราคา: คิดเป็นคำ (ต่อ 100 คำ), คิดเป็นนาทีของไฟล์เสียง,
คิดเป็นโปรเจกต์ (สำหรับโฆษณา), หรือคิดเป็นชั่วโมง
- ราคาเริ่มต้น: อาจเริ่มต้นที่ 500 - 5,000+ บาทต่อโปรเจกต์/ต่อนาที
ขึ้นอยู่กับความยาว, ความซับซ้อน, และประสบการณ์ของคุณ
- 3. ค้นหาลูกค้าเป้าหมาย:
- บริษัทโปรดักชั่นเฮาส์: ที่รับผลิตสื่อโฆษณา, สารคดี, หรือวิดีโอองค์กร
- บริษัท Agency โฆษณา:
- Content Creator/Youtuber/Podcaster: ที่ต้องการเสียงบรรยายหรือ Intro/Outro
- บริษัททำ E-learning:
- แพลตฟอร์ม Freelance:
Fastwork, Upwork, Fiverr (มีหมวด Voice Over)
- แพลตฟอร์มเฉพาะทางสำหรับ Voice Over:
เช่น Voices.com, Bodalgo
- เครือข่ายส่วนตัว: บอกเพื่อน ครอบครัว
คนรู้จักที่อยู่ในวงการสื่อ หรือวงการธุรกิจ
- 4. กระบวนการทำงานกับลูกค้า:
- รับ Brief/Script:
ทำความเข้าใจประเภทงาน, โทนเสียงที่ต้องการ,
ความยาว, Deadlines และวัตถุประสงค์ของ Content
- ส่ง Demo Reel:
เพื่อให้ลูกค้าประเมินเสียงของคุณ
- บันทึกเสียง: บันทึกเสียงใน Home Studio ของคุณ
- ส่ง Draft และแก้ไข: ส่งไฟล์เสียงร่างแรกให้ลูกค้าดูและขอ
Feedback เพื่อปรับแก้ไข
(กำหนดจำนวนครั้งในการแก้ไขที่ชัดเจน)
- Final Delivery:
ส่งมอบไฟล์เสียงฉบับสมบูรณ์ตามรูปแบบที่ตกลง (เช่น MP3,
WAV)
เคล็ดลับสู่ความสำเร็จและเพิ่มรายได้ในฐานะ
Voice Over Artist
เพื่อสร้าง รายได้เสริม จากการเป็น
Voice Over Artist ให้เติบโต:
- ฝึกฝนและพัฒนาเสียงอย่างต่อเนื่อง: การควบคุมเสียง, การปรับโทน, และการแสดงอารมณ์ผ่านเสียง
เป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ
- ลงทุนในอุปกรณ์คุณภาพดี: ไมโครโฟนที่ดีคือหัวใจสำคัญของอาชีพนี้
- สร้าง Personal Branding:
ทำให้ตัวเองเป็นที่จดจำด้วยน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์
หรือความเชี่ยวชาญในการพากย์เสียงบางประเภท
- เรียนรู้การตัดต่อเสียงพื้นฐาน: การสามารถตัดต่อเสียงตัวเองเบื้องต้นได้
จะช่วยให้ส่งงานได้เร็วขึ้น
- สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า: การบริการที่เป็นเลิศ, การส่งมอบงานตรงเวลา, และการแก้ไขงานตาม Feedback จะนำไปสู่การบอกต่อและลูกค้ารายใหม่ๆ
- พิจารณาเรียนคอร์ส Voice Over:
มีคอร์สสำหรับ Voice Over Artist โดยเฉพาะ
ที่จะช่วยพัฒนาทักษะและเทคนิคต่างๆ
สรุป