DR.TEPAN ร้านอาหารที่หยิบความอร่อยของอาหาร 3 ชาติแห่งเอเชีย ได้แก่ DR.TEPAN เทปันยากิสไตล์ไต้หวัน DR.YAKI บุฟเฟต์ปิ้ง ย่างสไตล์เกาหลี และ DR.SUSHI ซูชิบาร์ญี่ปุ่น มาบริการความอร่อยแห่งเดียวในประเทศไทย พร้อมเปิดขายแฟรนไชส์ภายใต้บริษัท กุศมัย เคเทอริ่ง จำกัด
ดร.วิโรจน์ กุศลมโนมัย ประธานกลุ่มธุรกิจ กุศมัย กรุ๊ป อธิบายความโดดเด่นของอาหารในแต่ละแบรนด์ว่า DR.TEPAN เป็นเทปันยากิสไตล์ไต้หวัน เสิร์ฟ ร้อนนั่งกินหน้ากับเมนูสเต็กกวาง สเต๊กลูกวัว สเต๊กนกกระจอกเทศ สเต๊กซีแลนด์ ขาปูยักษ์อลาสก้าอบเนย ปลาหิมะอบเนย และสเต๊กเนื้อมัสสึซากะ พร้อมซอสสูตรพิเศษ คือ ผัดซอสมิโซ กระเทียม ความอร่อยของเทปันยากิคือการกินร้อน ๆ เทปันยากิไต้หวันจะใส่เครื่องเทศเยอะ มีการหมักเนื้อ รสชาติจึงถูกปากคนไทยมากกว่า
DR.YAKI เมนูยากินิขุ บุฟเฟต์ปิ้ง ย่างสไตล์เกาหลีหัวละ 359 บาท และบุฟเฟ่ต์แกรนด์ หัวละ 459 บาท มีบริการเนื้อแองกัส เนื้อกวาง เนื้อปลาดอลลี่ ปลาแซลมอน หอยเซลล์ พร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ด น้ำจิ้มเกาหลีโคจูจัง และน้ำจิ้มยากินิขุญี่ปุ่น ยากินิขุแบบเกาหลี เนื้อจะมีทั้งเนื้อสดและเนื้อหมัก ด้วยน้ำมันงา น้ำมันมะกอก น้ำมันหอย และย่างเนื้อด้วยเตาถ่าน
DR.SUSHI ซูชิบาร์สไตล์ญี่ปุ่น และรถเคลื่อนที่เมนูพิเศษเด่น ๆ คือ แคลิฟอร์เนียมากิ แคลิฟอร์เนียคลุกงา ยำปลาหมึกยักษ์ ปลาโอโทโร่ และอากามิ เป็นต้น ซูชิของที่นี่รสชาติจะเข้มข้นด้วยสูตรเฉพาะ หอม หวานกว่าเจ้าอื่น ซึ่งจะถูกปากคนไทยมากกว่ารสชาติแท้ ๆที่ข้าวซูชิจะมีรสเปรี้ยว
“สิ่งสำคัญของการทำอาหารอย่างแรก วัตถุดิบต้องสด เป็นไปได้ควรซื้อวัตถุดิบวันต่อวัน สองความอร่อยเน้นการนำวัตถุดิบที่ดีนำมาหมัก อาหารอร่อยต้องปรุงให้มี 6 รสชาติ คือ หวาน เปรี้ยว เค้ม เผ็ด หอม ขม ไม่จำเป็นต้องมีครบทุกรสชาติ มีแค่ 3 รสชาติก็ได้แต่ต้องปรุงให้รสกลมกล่อมสมดุลกัน คนไทยจะชอบรสชาติออกหวาน คนญี่ปุ่นและคนจีนจะขอบรสออกเค็ม”
บริหารร้านอาหาร ต้นทุน 70 กำไร 30
ดร.วิโรจน์ กล่าวว่าร้านอาหารโดยทั่วไปจะมีโครงสร้างต้นทุน ประกอบด้วย ต้นทุนวัตถุดิบ 30-35% ค่าแรง 10-12% (บางแห่งอาจไปถึง 20%) ค่าเช่าสถานที่ 10-20% ค่าโสหุ้ย (ค่าน้ำ ค่าไฟ) 10-15% ผลกำไร 30% ผลกำไรจะได้มากหรือน้อยกว่า 30% อยู่ที่การควบคุมจุดรั่วไหล เช่น ถ้าคุณจ้างพนักงานแพงเกินไป กำไรก็จะลดลง ค่าเช่าสถานที่ขึ้นอยู่กับยอดขาย ถ้าทำเลนี้คุณสามารถขายได้เดือนละ 10 ล้านบาท จ่ายค่าเช่าเดือนละ 1 ล้านบาท ก็ถือว่าไม่แพง แต่ถ้าคุณขายได้เดือนละ 2 ล้านบาทแต่ค่าเช่าเดือนละ 1 ล้านอย่างนี้ร้านเจ๊ง
“ผมค้านนะว่าโลเคชั่นสำคัญที่สุดในการทำธุรกิจ โลเคชั่นสำคัญถ้าเป็น First Impression ในระยะสั้น แต่ถ้าระยะยาวไม่ใช่ ถ้าสินค้าคุณดีจริง และคุณยืนหยัดได้คุณไม่ต้องโฆษณา ไม่ต้องมีโลเคชั่นที่ดี รับรองว่าลูกค้ามาหาคุณแน่ เดี๋ยวนี้ผู้บริโภคฉลาด อะไรดี ๆ เดี๋ยวเขาไปบอกต่อกันเอง แต่คุณจะยืนไหวไหมถ้าต้องขาดทุน 2 ปี ถ้ามั่นใจก็ยืนอยู่ตรงนั้น ถึงมีร้านมาเปิดใกล้ ๆ ก็ไม่ต้องกลัวให้คิดว่าร้านเราไม่มีคู่แข่งในโลก เพราะแต่ละร้านมีรสชาติก็ไม่เหมือนกัน”
รูปแบบร้านธุรกิจแฟรนไชส์ เคาน์เตอร์ลงทุนหลักแสน
การลงทุนทั้ง 3 แบรนด์ DR.TEPAN DR.YAKI และ DR.SHUCHI ถ้าเป็นรูปแบบเคาน์เตอร์ 8-10 ที่นั่ง ค่าแฟรนไชส์ 200,000 บาท รูปแบบร้านอาหารที่นั่ง 10 โต๊ะ 40 ที่นั่ง ค่าแฟรนไชส์ 500,000 บาท ทั้งหมดไม่รวมค่าตกแต่งสถานที่ ส่วน DR.SHUCHI Delivery ลงทุน 150,000 บาท
ดร.วิโรจน์ไม่กล้าการันตีว่าจะคืนทุนภายในกี่เดือน ให้เหตุผลว่าร้านอาหารเป็นธุรกิจระยะยาว 3 ปี แรกคุณขาดทุนแน่นอน แต่ถ้าไปได้คุณจะได้กำไรตลอด พร้อมแนะนำว่าหากทำเลเปิดริมถนนโดยเฉพาะตามหน้ามหาวิทยาลัยเอกชน การันตีปีเดียวคืนทุน ส่วนซูชิ เดลิเวอรี่ ผู้ลงทุนต้องขายให้ได้ 100 ถาดต่อวัน ซูชิหนึ่งถาดมี 8-10 ชิ้น ราคา 80 บาท กำไร 50% รถเคลื่อนที่เป็นสิ่งสร้างจุดขาย แต่ไม่ได้หมายความว่าให้ไปขับตะลอนทั้งวัน คุณต้องหาจุดจอดขายกลางวันและกลางคืน
“ธุรกิจร้านอาหารเกี่ยวข้องกับหลายอย่าง หนึ่งสินค้าต้องสดใหม่ทุกวัน สองเป็นธุรกิจที่ต้องใช้คน ทั้งการปรุงอาหารและบริการหน้าร้าน สามปัญหาการรั่วไหลของวัตถุดิบ และอีกมากมาย ฉะนั้นคุณต้องมีเวลาและต้องมีใจรัก เทรนด์ความนิยมกินอาหารเอเชียในบ้านเราก็เติบโตขึ้นมาก จากการทำประชาสัมพันธ์ของร้านและภัตตาคารชื่อดัง ในขณะผู้ประกอบการที่มาทำธุรกิจตรงนี้ยังมีไม่มาก โดยเฉพาะในตลาดกลางและล่าง”
